เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีการตอบคำถามของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เรื่องวาระแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งช่วงหนึ่งได้ระบุว่าข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทยในประเด็นการร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำพูดนายอนุทินทำให้เกิดความกังวลเนื่องจากใน MOA ระหว่างพรรคสีส้ม และพรรคสีน้ำเงินได้มีการระบุถึงตัวละคร 3 ตัว คือ คณะรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนายกฯวันนั้น กลับไม่มีการเตรียมเสนอร่างของคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด อีกทั้งยังเปิดทางให้พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นสามารถเห็นเป็นอย่างอื่นได้ สามารถเสนอเป็นอย่างอื่นได้รวมถึงระบุว่าไม่สามารถพูดคุยกับสว.ให้เห็นชอบร่วมกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้สร้างความกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีสิ่งใดการันตีว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะทำให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะมีความยึดโยงกับประชาชนเหมือนที่ร่างของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนได้เสนอไว้ ซึ่งคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่พูดในวันนั้นทำให้เข้าใจได้ว่าร่างที่จะผ่านการเห็นชอบของรัฐสภานั้นอาจมีเพียงร่างเดียวคือ ร่างของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ซึ่งหากผ่านทั้งหมดอาจต้องมีการใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก ซึ่งเป็นร่างที่ไม่มีพี่น้องประชาชนอยู่ในสมการแต่อย่างใด และตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าทาง ครม.จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ ครม.เข้ามา
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนถอนร่างเสนอแก้ไขของทั้งสองพรรคออกมาก่อน และให้ทั้งสองพรรคไปพูดคุยกันให้ชัดเจนว่า จะเลือกแนวทางการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. อย่างไร เพราะตอนเซ็น MOA ระบุว่าจะให้มี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งสองพรรคคู่รัก MOA ก็ควรที่จะหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ สสร. มีความเกี่ยวข้องยึดโยงกับประชาชนได้มากที่สุด
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญใน MOA อย่าทำเหมือนว่าพวกท่านแยกกันเดิน โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่เชื่อว่าตนเองมีอำนาจต่อรองรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ควรต่อรองเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่เช่นนั้นท่านเองจะถูกครหาได้ว่า อ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการหาเสียงเท่านั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยเองก็ควรไว้หน้าผู้ให้กำเนิดรัฐบาลบ้าง อย่าทำอะไรที่พี่น้องประชาชนเขาดูออกว่าจะเป็นการเดินหน้าสู่ “รัฐธรรมนูญฉบับแกงส้ม ต้มประชาชน” ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ค่อยไปลุ้นเอาทีหลัง
Advertisement