เมื่อเวลา 08.30 น. (4 ต.ค. 2568) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ มีของกลางยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า จำนวน 18.25 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,488 กิโลกรัม และคีตามีน 29 กิโลกรัม โดยมี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมในการแถลงข่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เรามาร่วมแถลงข่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ให้ความใส่ใจ กับเรื่องการปราบปรามและป้องกันภัยของยาเสพติดที่คุกคามประเทศมาโดยตลอด ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงและสภาพสังคม และตั้งแต่ตนยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนก็ได้แสวงหาความร่วมมือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เราก็ได้บูรณาการรูปแบบการปฏิบัติการอย่างเต็มกำลัง และพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับผู้ค้าและผู้ผลิตยาเสพติด ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ตนอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ก็ได้จับกุมและยึดของกลางเป็นจำนวนมากตลอดจนได้ดำเนินคดีและนำของกลางไปทำลาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้เราจะจับกุมได้มากเท่าไร ก็ยังไม่สามารถทำให้ ความพยายามของผู้ค้าลดลงไปได้ ตนยังจำได้ว่า เคยได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสมัยที่ยังเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราได้ทำไป ก็ส่งผลให้เกิดอุปสรรคอย่างมากมายสำหรับกระบวนการค้ายาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการขนถ่ายยาเสพติดมีวิธีการสลับซับซ้อนมากขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแทรกแซง และปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐก็ถือว่ามีผลอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมีความสามารถเหนือกว่าผู้ค้าผู้ผลิต ให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ และขณะเดียวกัน จะมีความร่วมมือ ระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครอง รวมถึงพื้นที่ ในต่างจังหวัด ในอำเภอต่างๆ เพื่อยกระดับในการจัดการปัญหานี้ ให้ครบทุกมิติตลอดจน แสวงหาความร่วมมือในการร่วมมือจากต่างประเทศ เพื่อทำให้ ป้องกันปราบปรามการค้ายาเสพติดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าวันนี้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่าของกลางที่อยู่ตรงนี้เป็นส่วนที่จับได้ตั้งแต่ รัฐบาลของตนได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศก็คือตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ก็ต้องขอขอบคุณความร่วมมือของทุกฝ่าย เราไม่ได้จับแค่นี้เราก็จะดำเนินการต่อไปและหวังว่าในขณะนี้ ที่ตนมีความรับผิดชอบทั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยความสัมพันธ์ความผูกพันในทางส่วนตัว กับคณะผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเราไม่ได้พึ่งมารู้จักกันในหน้าที่การงาน แต่เรารู้จักกันมานานแล้ว มีความร่วมมือกันมา ตั้งแต่ในอดีต เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนและการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของรัฐบาลชุดนี้ จะเกิดประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่แท้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับฟังผลการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหายาเสพติด จากกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามปราบปรามอย่างจริงจัง และหาวิธีป้องกัน โดยจะใช้กำลังของฝ่ายปกครอง ตำรวจ ในการป้องกันปราบปรามทุกสิ่ง การค้า และการจำหน่ายยาเสพติดรายย่อยทั้งหมด จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยจะพยายามดำเนินการทุกที่ที่ขายยาเสพติด จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวไปดู จากการรายงานจะเห็นว่าไม่คุ้มเลย อย่างเช่นพวกรับจ้างขนส่ง เป็นเด็กอายุน้อยทั้งนั้น วัยรุ่นอนาคตยังไกล ไปรับจ้างขนส่งยาเสพติด ซึ่งมีโทษเท่ากับเป็นผู้ค้า ก็ขอให้ตระหนักว่า ไม่มีความคุ้มค่า เพราะอนาคตจะเสียหมด เนื่องจากมีโทษแรงถึงขั้นประหารชีวิต ถึงรอดจากประหารก็โดนโทษตลอดชีวิต ซึ่งไม่เป็นผลดี
เมื่อถามว่า จะมีนโยบายปราบปรามเด็ดขาดเหมือนรัฐบาลในอดีต ที่มีการฆ่าตัดตอนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติด ต้องมีความเด็ดขาดอยู่แล้ว
Advertisement