วันที่ 1 ต.ค.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีชายแดนไทย กัมพูชาขณะนี้ ว่า ตนก็ทำงานคู่กันไปกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องของการทูต และเรื่องการตั้งเงื่อนไขและจุดยืนของประเทศไทย
ส่วนเรื่องของการดูแลอธิปไตยของไทย ดูแลอาณาเขตของไทย ตนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หารือใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบก ซึ่งตนให้คำยืนยันกับทุกท่านในด้านการทหาร และเหล่าทัพไปว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมถึงตำรวจด้วยเพราะมีภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งหากเหล่าทัพต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล ตนดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ทันทีและเต็มที่ เมื่อวานนี้(30ก.ย.68) ได้เร่งอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อปกป้องในชายแดน ของประเทศไทย ที่กำลังมีปัญหากับประเทศกัมพูชาอยู่ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกให้คำมั่นกับตนว่า เราจะไม่เสียเปรียบ รักษาอธิปไตยของเราเรา ได้ทำในสิ่งที่เราต้องทำ และทำในสิ่งที่ประชาชนชาวไทย จะไม่ผิดหวัง
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยในเรื่องของ MOU 43-44 บ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาแล้ว แต่จะเดินไปถึงประชามติ ว่าควรจะยกเลิกหรือไม่ มีขั้นตอน บางคนบอกไม่อยากให้โยนภาระให้กับประชาชน ขอทำความเข้าใจว่า ไม่ได้เป็นการโยนภาระให้ประชาชน เแต่เพราะเรื่องอะไรที่มีความคิดแตกต่างกัน และไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน หากเราให้ประชาชนมีส่วนร่วม จะมีหลังพิง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้วรัฐบาลนำมาพิจารณาตนขอสงวนสิทธิ์ไว้ว่าถ้าดูแล้วไม่เป็นประโยชน์กับประเทศของเรา เพราะวันนี้เราจะดูในเรื่องของประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ซึ่งเรามีท่าทีแล้วเพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมาไม่มีอะไรจำเป็นที่เราจะต้องให้ความเกรงใจ พร้อมย้ำว่า หากอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และถึงขั้นที่ว่า มีไปแล้วไม่เกิดคุณค่าอะไร คณะรัฐมนตรีของตนพร้อมที่จะยกเลิก
กัมพูชามีการกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นภัยคุกคามหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องระวังตลอด ซึ่งทางกองทัพและตำรวจ มีข้อสรุปที่ชัดเจน จากประชุม 4 เหล่าทัพ ว่าจะดำรงสภาพนี้ ทั้งเรื่องของการเตรียมพร้อม เรื่องของจุดยืนจนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาหมดไปต่อประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคงคือ 4 เหล่าทัพ
เมื่อถามว่า จากพฤติกรรมของกัมพูชาที่แสดงต่อโลก แบบหน้าไหว้หลังหลอก เรายังจะเชื่อใจอะไรได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเราไม่ว่าประเทศเพื่อนบ้าน เราระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ เขามีพฤติกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะหลอกหรือไม่หลอก เรามีความสามารถเพียงพอที่จะรู้ว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน และเวลาใดที่เราควรจะตอบสนองการกระทำของเขาโดยวิธีใด ซึ่งเรื่องนี้ตนขอให้ความมั่นใจ
Advertisement