วันที่ 1 ต.ค. 2568 เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตาศาลยา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการ พร้อมถ่ายภาพกับครอบครัวที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
นายสิริพงศ์ กล่าวย้ำ การทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาล มีหน้าที่นำเสนอนโยบายรัฐบาลที่เป็นภาษาทางการ หรือ ศัพท์เทคนิคที่ค่อนข้างเข้าใจยากให้สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจได้ ตรงประเด็นให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การดำเนินการ ไปในทิศทางเดียวกันไม่ไขว้เขว พร้อมกับระบุว่า หากในการสื่อสารมีคนพูดหลายคนอาจจะทำให้เกิดก็จะมีความเข้าใจที่แตกต่างและคลาดเคลื่อนกันบ้าง ซึ่งเราก็ต้องมีหน้าที่หากข่าวใดผิดเราก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง และนำเสนอข่าวที่ถูกต้องให้กับประชาชนทราบ
ส่วนความคาดหวังของประชาชนที่อยากให้โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงและตอบโต้ในกรณีชายแดนไทยกัมพูชา นายสิริพงศ์ ระบุว่า ตนก็เป็นคนชายแดน ต้องสื่อสารให้ตรงไปตรงมา แต่ประเด็นที่สำคัญในการสื่อสาร สำหรับสถานการณ์ชายแดน จำเป็นจะต้องมีการคัดกรองข่าว
อย่างกรณีที่กัมพูชาหลายครั้งออกมากระทำการยั่ว เพื่อให้ฝ่ายไทยโต้ตอบ ซึ่งทุกอย่างก็แล้วแต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด จำเป็นจะต้องสื่อสารกับประชาชน โดยเร็วที่ก็ต้องทำ แต่การทำงานของโฆษกคณะนี้ มีความตั้งใจว่ากระทรวงที่มีส่วนในการสื่อสารเช่นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม จะต้องขอให้ทางทีมโฆษก ของแต่ละกระทรวง ทำงานใกล้ชิดกับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อการสื่อสารที่รวดเร็วและตรงประเด็น
ส่วนจะมีการปรับกลยุทธ์ในการสื่อสารหรือไม่ นายสิริพงศ์ ยังคงย้ำว่าจะต้องมีการสื่อสารที่รวดเร็วและตรงประเด็น เนื่องจากทราบว่าความล่าช้าในอดีตที่ผ่านมา อาจจะทำให้ประชาชนมีความไม่เข้าใจ และการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ อาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและความกังวลใจ ซึ่งเราจะเอาบทเรียนเหล่านั้น จากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา มาปรับปรุงในการสื่อสารเชิงรุกให้มากขึ้น
ส่วนมองว่าระยะเวลา 4 เดือนเพียงพอในการแก้ไขปัญหาชายแดนหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว แต่อยู่ที่กัมพูชาด้วย นายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่หนักแน่น ว่าสถานการณ์ชายแดนจะไม่มีการเริ่มเจรจาเปิดด่าน จนกว่ากัมพูชาจะถอนกำลัง และตนเชื่อว่ามาตรการ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม หรือกระทรวงการต่างประเทศ ทุกอย่างที่ดำเนินการอยู่ก็หวังจะกดดันให้กัมพูชา ถอนกำลังโดยเร็ว และสถานการณ์เป็นปกติโดยเร็ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ และแนวทางของรัฐบาลไทย คือไม่ยอมที่จะอ่อนข้อให้กับเขาอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันนายสิริพงศ์ ยังระบุว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หรือ ศบ.ทก. จะยังคงมีอยู่ซึ่งเป็นคณะทำงานชุดเดิม
Advertisement