นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เกี่ยวกับกรณีเริ่มปีงบประมาณใหม่ ส่งผลให้หลายกระทรวงมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร จะมีการมอบนโยบายอะไรหรือไม่ ว่า นโยบายก็เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไป ส่วนเรื่องการทำงานส่วนใหญ่ตนรู้จักกับหัวหน้าส่วนราชการระดับผู้บริหารองค์กรที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่แล้ว ตนไม่มีปัญหาอะไรในการทำงานที่ต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อว่า จะอนุมัติงบต่างๆ ที่จะนำไปใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้ ธ.ก.ส. มีวงเงินให้เกษตรกรได้เสริมสภาพคล่องต่อไป ลดปัญหาคอขวดให้มันกระทุ้งออกไป และเม็ดเงินกระจายออกไปได้ในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งการบริหารงานก็เป็นไปตามปกติ มีการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นในการลงพื้นที่ในเขตราชการของท่าน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีอายุเพียง 4 เดือน จะสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้กับนักลงทุนและนักธุรกิจอย่างไร เพื่อให้เขาเข้ามาลงทุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องของการลงทุน ฉะนั้นหากผู้ประกอบการมีเรื่องติดขัดอะไรก็สามารถแจ้งมาทางรัฐบาลได้
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าการประชุมครม.รอบถัดไป จะมีการหารือในเรื่องการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้วย โดยพยายามจะไม่ให้มีวาระจรเข้ามา แต่สำหรับที่เมื่อวานมีวาระจร 7 เรื่องที่จำเป็นเข้ามานั้น เนื่องจากจะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2568 ในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้งบประมาณดังกล่าว แต่ถ้าเป็นในวาระปกติต้องถูกส่งเข้ามาตั้งแต่วันพฤหัสบดี เพื่อส่งไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกลั่นกรองต่อไป
เมื่อถามว่า การประชุม ครม. เศรษฐกิจจะมีการประชุมบ่อยขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งใจว่าจะประชุมทีมเศรษฐกิจช่วงบ่ายวันจันทร์ภายใน 2 สัปดาห์ เพราะขณะนี้ให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง เข้าไปพบปะข้าราชการในกระทรวงและมอบนโยบาย เพราะวันนี้ถือเป็นวันแรกที่คณะรัฐมนตรีชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังผ่านขั้นตอนทุกอย่างมาได้และผ่านการแถลงนโยบายแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ตนจะมีการเชิญมาประชุมเป็นกลุ่มๆ
ส่วนเมื่อเริ่มการทำงานแล้ว นโยบายแรกที่จะทำคืออะไร นายอนุทิน กล่าวว่าก็ตามที่ได้บอกไว้คือเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะเร่งให้การสนับสนุนทุกภาคส่วน อย่างเช่นเมื่อวานนี้เมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วเสร็จ ก็มีการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อทันที และมีการอนุมัติงบกลาง เพื่อให้กองทัพไปจัดหาและเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงขอย้ำว่าไม่ได้ล่าช้า
Advertisement