จากกรณีที่เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เพื่อขอให้ศาลออกข้อกำหนดห้าม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกราชอาณาจักรจนกว่าจะมีคำสั่ง จากกรณีการบังคับโทษของนายทักษิณเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ ภายหลังนายทักษิณได้พักรักษาตัวที่ชั้นที่ 14 โรงพยาบาลตำรวจตลอดช่วงรับโทษจำคุก 1 ปีตามคำพิพากษา ก่อนได้รับการพักโทษในเวลาต่อมา
โดยในวันนี้เวลา 15.00 น. ศาลนัดฟังคำสั่งที่นายชาญชัยได้ร้องขอไว้เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า จะมีคำสั่งออกข้อกำหนดห้ามนายทักษิณเดินทางออกนอกประเทศตามที่นายชาญชัยร้องขอหรือไม่
ต่อมาเวลา 16.00 น.นายชาญชัย เปิดเผยว่า ศาลพิจารณาคำร้องเห็นว่า ตนเองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในคดีดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องในลักษณะดังกล่าว ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องของตนที่ร้องขอห้ามไม่ให้นายทักษิณเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ส่วนตัวเข้าใจได้ว่าเป็นอำนาจการพิจารณาของศาล แต่อย่างน้อยเป็นข้อดีว่า ศาลท่านทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วและสามารถพิจารณาออกคำสั่งได้เอง หลังจากนี้ โดยไม่ต้องมีใครมายื่นคำร้อง ส่วนจะมีหรือไม่มีคำสั่งส่งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เป็นดุลพินิจของศาล
สำหรับกรณีของนายทักษิณที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอยากให้นายทักษิณกลับมาฟังคำสั่งของศาล เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปด้วยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งตนมองอยู่แล้วว่า หากนายทักษิณยอมเดินทางมาที่ศาล อย่างมากสุดก็แค่ถูกจำคุก 1 ปี หรือรอดพ้นความผิด แต่ถ้านายทักษิณไม่ยอมรับในกระบวนการ คดีความก็อาจจะเพิ่มขึ้นและกลับประเทศไทยยากลำบากมากขึ้น จึงเชื่อว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายทักษิณได้คิดทบทวนตัวเองมาดีแล้ว
สำหรับการอ่านคำสั่งในวันพรุ่งนี้นั้น จะเริ่มต้นในเวลา 9.30 น. ซึ่งตนเองก็จะเดินทางมาฟัง เพื่อดูว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะได้ทำหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว ให้จบเป็นเรื่องๆ ไป ส่วนพรุ่งนี้จะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็จบ แต่เชื่อว่าคำสั่งในวันพรุ่งนี้นั้น จะเป็นผลทำให้ ป.ป.ช. นำไปขยายเรื่องดำเนินการต่อ หากศาลมีประเด็นพิจารณาว่าพบเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือและมีความผิด ก็จะนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีบุคคลระดับถึงรัฐมนตรีที่มีความผิดด้วย
โดยตนเองนั้นมีความเชื่อมั่นในคำสั่งของศาลในวันพรุ่งนี้ เพราะองค์คณะผู้พิจารณาคดีทั้ง 5 ท่านนั้น เป็นระดับปรมาจารย์ฝ่ายนิติศาสตร์ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย จนได้รับความไว้วางใจจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งได้รับสมญานามว่า "ไม้บรรทัด" เพราะมีความตรงฉินน่าเชื่อถือ ดังนั้น คำสั่งในวันพรุ่งนี้ จะกลายเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ เพราะเป็นคดีใหญ่และเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินคดีทุจริตในประเทศ รวมทั้งจะกลายเป็นตำราสำหรับผู้เรียนกฎหมายในอนาคต
นายชาญชัย ยังมองอีกว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะขอเลื่อนการฟังคำสั่งในวันพรุ่งนี้ ด้วยอ้างเหตุว่าป่วย ต่อให้นายทักษิณไม่เดินทางมาฟัง ตามกฎหมายแล้วก็สามารถพิจารณาคดีลับหลังได้ เพราะถือเป็นการบังคับคดีจากคำพิพากษา ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับนายทักษิณว่า จะเลือกหนีทั้งชีวิตหรือยอมเข้าสู่กระบวนการ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า "ใครทำอะไรไม่ดี ก็ต้องรับผลกรรม ใครทำผิดทำความเสียหายต่อบ้านเมือง ต้องรับผิดชอบ ถ้ายังหนี ถือว่าคิดผิดอย่างมาก"
เมื่อถามถึงว่ากการกลับมาของนายทักษิณเป็นดีลเเลกดีลหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่คิดว่า จะมีการแลกดีลอะไร ตนคิดว่านายทักษิณเขาต้องตระหนักเองแหละ แลกกันระหว่างหนีทั้งชีวิตกับติดคุกปีหนึ่งเนี่ย สูงสุดนะ หรืออาจจะยังไม่ได้ติดคุกเลย ตนกล้าตอบแทนว่าตุลาการ 5 ท่านไม่รับดีล ตนเชื่อว่าท่านไม่ทําลายระบบยุติธรรม ท่านกําลังรักษาและผดุงขบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเพราะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ใครทำกรรมไว้ไม่ดีเนี่ย ต้องรับกรรม ผมเชื่ออย่างนี้ว่าสิ่งที่พิสูจน์มาแล้วตั้งแต่มีการไต่สวนมา ได้เห็นพฤติกรรมในการกระทําของคนทําผิด ใครทําผิดต้องรับผิดชอบ สิ่งที่ทําใครทํากรรมเสียหายไว้กับบ้านเมืองคนนั้นต้องรับผิดชอบ
Advertisement