แม่ทัพภาค 2 รับมอบ "บลูบังเกอร์" คณาจารย์-นักศึกษาอุเทนถวาย
แม่ทัพภาค 2 รับมอบ "บลูบังเกอร์" คณาจารย์-นักศึกษาอุเทนถวาย เผยอดีตเคยเป็นเด็กช่างยนต์ ตอนนี้อยากเป็นที่ปรึกษาสมาคมเด็กช่างแห่งประเทศไทย
(15 ก.ค. 2568) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตพื้นที่อุเทนถวาย ได้จัดพิธีส่งมอบ "บลูบังเกอร์" นวัตกรรมใหม่แห่งหลุมหลบภัย และฐานปฏิบัติงานเคลื่อนที่ โดยศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของอุเทนถวายได้ร่วมกันประกอบและจัดสร้างขึ้น เพื่อส่งมอบให้กับกองทัพภาคที่ 2 สำหรับทหารแนวหน้าทุกคน และขยายผลสู่โรงเรียน ชุมชนตามแนวชายแดน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดย ผศ.ทองพูล ทาสีเพชร คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ กล่าวว่า "บลูบังเกอร์" เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบขึ้นโดยคำนึงถึงความแข็งแรง และความคล่องตัวในการใช้งานในความเหมาะสมต่อสภาพภูมิประเทศในเขตชายแดน เป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของสมาคมศิษย์เก่า คณาจารย์ และนักศึกษาอุเทนถวาย ที่นำองค์ความรู้ด้านการออกแบบโครงสร้างด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม และการผลิตให้ยืดหยุ่นในภาคสนาม เช่น บังเกอร์ป้องกัน บังเกอร์บัญชาการ และบังเกอร์ปฐมพยาบาล
นอกจากนี้ ผศ.ทองพูล กล่าวอีกว่า บลูบังเกอร์พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของไทยโดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นเขตที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อใช้เป็นบังเกอร์ป้องกันอันตราย หรือการโจมตีในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกำลังพลในพื้นที่ รวมถึงคณะได้จัดทีมวิจัยเฉพาะด้านวัสดุ และการต่อยอดการพัฒนาบลูบังเกอร์ให้มีความแข็งแรง และมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้าย และติดตั้งได้อย่างสะดวกคล่องตัว และรองรับการใช้งานในภาคสนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตนเองได้รับใช้ราชวงศ์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 9 จนถึงรัชกาลที่ 10 เป็นราชองครักษ์เวรมา ตั้งแต่ยศพันตรีจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสถาบันตั้งแต่อดีต สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตากสิน ท่านออกรบด้วยตัวของท่านเอง เป็นผู้เสียสละ ถ้าไม่มีพระเจ้าตากสินก็ไม่สามารถรวบรวมประเทศได้ วันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องขอบคุณด้านคณาจารย์อุเทนถวายทุกท่านที่อาสาทำเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน ตนเองเกิดมาชาติหนึ่งก็อยากจะเห็นพี่น้องชาวไทยมีความคิดแบบนี้บ้าง
"เราเก่งด้านไหนก็เอาความเก่งของเราไปใช้ ทหารก็เก่งแบบทหาร ยิงปืน หลบที่กำบังเก่งก็เท่านั้น แต่กำบังมาได้อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ได้กำบังจากพี่น้องอุเทนถวายนี่แหละ" พล.ท.บุญสิน กล่าว
พล.ท.บุญสิน ยังกล่าวอีกว่า ได้เข้ามาในอุเทนถวายนั้นก็เหมือนได้กลับบ้านเพราะตนเองก็เคยเป็นเด็กช่างมาก่อน โดยได้เรียนช่างยนต์ และมีความคิดอยากจะไปพบกับเด็กช่างทั่วประเทศ อยากเป็นที่ปรึกษาสมาคมเด็กช่างแห่งประเทศไทย ถ้าหากมีสมาคมนี้ตั้งขึ้นมาตนเองขอไปเป็นที่ปรึกษา เพื่อที่จะนำเด็กช่างเหล่านี้ทำความดีเพื่อประเทศ นอกจากนี้การตีรันฟันแทงก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ขณะนี้เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องสังเกตเห็นประเทศชาติว่าทุกวันนี้เป็นอย่างไร ผู้ที่เสียสละรักชาติบ้านเมืองเท่านั้นที่จะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ และยังขอฝากไปยังคณบดี ว่าควรมีการศึกษาพระพุทธศาสนาบ้าง ไม่เช่นนั้นเราจะขาดความเสียสละ หิริโอตตัปปะ หรือความเกรงกลัวต่อบาป พร้อมย้ำว่าเวรกรรมมีจริงตนเองเป็นทหารเห็นมาหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า สำหรับบลูบังเกอร์ที่ได้รับเป็นไทป์ 5 ก็อาจจะมีไทป์ 6 หรือไทป์ 7 ตามมาก็ได้ ซึ่งจะไปประเมินกับเสนาธิการในพื้นที่ว่าได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันอาวุธ และย้ำว่ากองทัพบกโดยเฉพาะ กองทัพภาคที่ 2 พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อบ้านเมืองทุกรูปแบบ ตราบใดที่ตนเองยังเป็นแม่ทัพอยู่
ทั้งนี้ ภายหลังการให้โอวาทเสร็จแล้ว ก็ได้เปิดโอกาสถามตอบกับนักศึกษาอุเทนถวาย ซึ่งก็มีช่วงหนึ่ง ที่นักศึกษาถาม ถึงมุมมองของแม่ทัพภาคที่สองที่มีต่อเด็กอุเทนถวายที่สังคมมองว่าเด็กอุเทนถวายเป็นเด็กเกเร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นคำถามที่ทุกคนอยากจะฟังมาก ถ้าเขามองเด็กอุเทนถวายไม่ดีก็ต้องมองแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ดีด้วย
"เพราะแม่ทัพภาคที่ 2 ก็คือเด็กอาชีวะ เป็นลูกพระวิษณุกรรมฯเก่า ถ้าทุกครั้งที่เขาด่าอาชีวะแม่ทัพภาคที่ 2 เจ็บใจตลอด แต่เขาไม่รู้ว่า ผมนี่แหละคือลูกพระวิษณุกรรมฯ คนหนึ่ง ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด สิ่งนี้เราต้องใช้เวลาในการแสดงออกต่อสังคม"
พล.ท.บุญสิน ยังฝากถึงนักศึกษาอุเทนถวายทุกคน ว่า ความดีเราไม่ต้องไปพูด เราทำเรื่อยๆ เดี๋ยวสังคมก็จะเห็นเอง ซึ่งที่ผ่านมารุ่นพี่ก็ได้มอบของ มอบบลูบังเกอร์ และงบประมาณในการช่วยเหลือกองทัพภาคที่ 2 ในการที่จะเป็นกำลังต่อสู้ เพื่อแผ่นดินไทย พร้อมฝากถึงรุ่นพี่ เด็กอาชีวะทุกที่ เป็นลูกพระวิษณุกรรมฯ เป็นคนไทยเหมือนกัน อย่าไปปลูกฝังรุ่นน้องให้เป็นศัตรูกับสถาบันอื่นเด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่แม่ทัพจะต้องทำในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ก็จะมีการเดินสายไปยังอาชีวะและมหาลัยต่างๆ เพื่อเป็นที่ปรึกษา ไม่อยากให้กลับไปคิดแบบเก่าเหมือนเก่า ส่วนตัวแม่ทัพภาคที่สองมองว่าอุเทนถวายไม่ได้ดุดัน เป็นสถาบันหนึ่งที่แม่ทัพภาคที่สองอยากเข้ามาเรียน
Advertisement
