วันที่ 2 ก.ค.68 นายโชคไชย สว่างรัตน์ นายอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้นายธนธรพล ไขว้พันธ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอ รับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายกำหนด หลังจากนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน ข้อความสนทนา และคลิปเสียง เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง เพื่อขอให้ช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยกับฝั่งที่ปล่อยเงินกู้ เนื่องจากถูกข่มขู่ประจานลงเฟชบุ๊ก หากไม่ส่งดอกเบี้ยตามกำหนด
โดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ต้องหาเงินไปจ่ายค่ากับข้าว เนื่องจากตอนนั้นทำกับข้าวขายให้นักเรียนในหมู่บ้าน จึงเห็นในเฟซบุ๊ก มีผู้หญิงคนหนึ่งโพส์ต ปล่อยเงินกู้ จึงตัดสินใจติดต่อไปขอกู้เงินจำนวน 3,000 บาท โดยคนที่ปล่อยเงินกู้บอกว่าจะต้องหักดอกเบี้ยร้อยละ 30 ดังนั้นกู้ 3,000 ก็จะได้จริง 2,100 บาท ด้วยความจำเป็นจึงตกลงกู้ เขาก็มาดูที่บ้านและที่ทำงาน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชนและลงลายมือชื่อส่งไปในเฟซบุ๊ก โดยต้องส่งดอกเบี้ยเป็นรายอาทิตย์คือร้อยละ 30 ต่อ 7 วัน หรือสัปดาห์ละ 500 บาท ที่ผ่านมาก็จ่ายดอกเบี้ยตลอด บางสัปดาห์ที่หาเงินจ่ายให้ล่าช้า ก็จะถูกปรับจ่ายดอกเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 700 –1,200 บาท ก็ได้จ่ายมาตลอด 7 เดือน รวมเป็นเงิน 59,010 บาทแล้ว มากกว่าเงินต้นหลายเท่า แต่ก็ยังถูกตามทวงทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน และข่มขู่สารพัด ทั้งยังอ้างว่ารู้จักกับคนในอำเภอ และตำรวจที่โรงพัก ไม่มีใครทำอะไรได้ และยังบังคับให้จ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 18,000 บาท อ้างว่าเป็นเงินที่ทบต้นทบดอกที่จ่ายล่าช้า ทั้งที่กู้มาแค่ 3,000 บาท ทำให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกลัวไม่รู้จะหาทางออกยังไง จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือ
ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐาน พบว่ามีการปล่อยเงินเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตามที่มีการร้องเรียนจริง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้วางแผนเข้าจับกุมตัว น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ได้ขณะไปตามทวงเงินผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งในตัวอำเภอนางรอง ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุม น.ส.บี ก็ได้แสดงอาการไม่พอใจและขึ้นเสียงใส่ทั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ไปร้องเรียน และเจ้าหน้าที่ด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้นำตัว น.ส.บี ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง เพื่อสอบถามรายละเอียด
ซึ่ง น.ส.บี ก็ยอมรับว่าได้ปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจริง อ้างว่าเพิ่งจะทำได้ไม่ถึงปีมีลูกหนี้อยู่ประมาณ 5 – 6 รายเท่านั้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงสอบถามทั้งสองฝ่ายว่า จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาลหรือไม่ หรือจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็สมัครใจเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ซึ่ง น.ส.บี ยอมจ่ายเงินคืนให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 5,000 บาท และรับปากจะไม่โพสต์ประจาน ตามทวงเงิน หรือข่มขู่อีก ส่วนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็ยอมรับ โดยมีปลัดอำเภอเป็นพยาน จากนั้นก็มีการทำบันทึกข้อตกลงกันทั้งสองฝ่าย แต่หากมีการติดตามทวงหนี้หรือข่มขู่อีก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
Advertisement