จากการที่พรรคภูมิใจไทย เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่ 3 ก.ค. 2568
หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมจึงยื่นในปีนี้ได้อีก เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถทำได้ปีละครั้งเท่านั้น และในปีนี้ก็มีการอภิปรายนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คำตอบคือ นั่นก็เพราะปีสมัยประชุม นับคนละแบบกับปี พ.ศ. ปกติ
สมัยประชุมคืออะไร
การประชุมรัฐสภาเป็นกระบวนการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย โดยมีหน้าที่หลักในการตรากฎหมาย ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน และอภิปรายเรื่องสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดกรอบเวลาในการประชุมของรัฐสภาไว้ในรูปแบบของ “สมัยประชุม” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติในการดูแลและรับใช้ประโยชน์ของประชาชน
ดังนั้น “สมัยประชุมของรัฐสภา” จึงหมายถึงช่วงเวลาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามาร่วมประชุมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด อย่างไรก็ตามหลายคนอาจสงสัยว่า “สมัยประชุม” คืออะไร มีกี่ประเภท และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง
สมัยประชุมมีกี่ประเภท
รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐสภามี “สมัยประชุม” ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่กำหนดไว้ให้รัฐสภาเปิดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.สมัยประชุมสามัญของรัฐสภา
เป็นสมัยประชุมที่กำหนดไว้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยในหนึ่งปีสามารถมีสมัยประชุมสามัญได้สองครั้ง และแต่ละสมัยจะมีระยะเวลา ไม่เกิน 120 วัน สมัยประชุมสามัญนี้ครอบคลุมการเสนอร่างกฎหมาย การอภิปรายทั่วไป และการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล
2.สมัยประชุมวิสามัญของรัฐสภา
เป็นการเปิดประชุมรัฐสภานอกเหนือจากสมัยประชุมสามัญ การเปิดสมัยประชุมวิสามัญนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่จะทรงเรียกให้มีขึ้นตามที่คณะรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลและตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ความสำคัญของสมัยประชุม
สมัยประชุมของรัฐสภาเป็นกลไกหลักในการดำเนินงานของฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้สมาชิกสภาปฏิบัติหน้าที่แทนประชาชน ทั้งในการเสนอกฎหมาย พิจารณานโยบาย และตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
การมีทั้งสมัยประชุมสามัญและวิสามัญ ยังช่วยให้รัฐสภาสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อสถานการณ์เร่งด่วนหรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้อย่างทันการณ์ เป็นการใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้การทำงานของรัฐสภาเป็นไปอย่างมีระบบ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง
ดังนั้นเมื่อปีสมัยประชุมนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของวาระสภา จึงเริ่มต้นที่วันที่ 3 ก.ค. 2568 ไม่ได้เริ่มนับวันที่ 1 ม.ค. 2568 และจึงเป็นที่มาว่า แม้จะมีการอภิปรายนายกฯ ไปเมื่อเดือน มีนาคม 2568 ก็ยังจะสามารถอภิปรายได้อีกครั้งในสมัยประชุมที่จะมีขึ้น แต่หากมีการอภิปรายในสมัยที่กำลังจะเปิดก็เท่ากับว่าสมัยประชุมที่จะมีช่วงต้นปีหน้าจะไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แล้ว
Advertisement