พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ประจำวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 2568
นางมาระตี ระบุว่า ในที่ประชุมได้มีการย้ำในว่าไทยไม่เคยปิดด่าน ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเพียงมาตรการที่ดำเนินการอยู่เป็นการควบคุมคนเข้า-ออก และมีการปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน โดยไม่ได้มีการปิดกั้นการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่โดยรัฐบาลมีความห่วงใย และจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และความจำเป็น
ส่วนฝ่ายกัมพูชาได้มีการประกาศให้ด่านชายแดนทุกแห่งของกัมพูชา ระงับการนำเข้าผักและผลไม้ทุกชนิดจากไทย ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2568 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรับผิดชอบ
ฝ่ายไทยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองฝั่ง ตามแนวชายแดน และการออกมาตรการใดๆ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนจึงไม่ควรที่จะนำมาให้เป็นประเด็นระหว่างประชาชนทั่วไป ที่ต้องรับความเดือดร้อนและกระทบถึงความจำเป็นต่างๆ ในด้านมนุษยธรรม ทั้งนักเรียน นักศึกษา ผู้มารักษาพยาบาลฝั่งไทย และแรงงานกัมพูชา พร้อมกับหวังว่าทางกัมพูชาจะคำนึงถึงประเด็นนี้เช่นกัน
นางมาระตี ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังหารือตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงเรื่องการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยและสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาต่อสาธารณชน โดยย้ำว่าว่าการกระทำดังกล่าว กระทบต่อจรรยาบรรณ และมารยาทปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และที่สำคัญเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ควรทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย แต่ในการกลับกันสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไทยขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีความสามัคคี และขอให้มั่นใจในเอกภาพการทำงานระหว่างรัฐบาลกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และรัฐบาลไทยยังคงเชื่อมั่นว่ากลไกทางการทูตกลไกทวิภาคี และการเจรจาระหว่างสองฝ่าย เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา ทั้งความตึงเครียดและปัญหาที่เกิดขึ้นในเขตแดนระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยยังคงพร้อมที่จะหารือด้วยความจริงใจและสุจริตใจ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งเรื่องว่าการประชุม JBC สมัยพิเศษที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป หรือเดือนกันยายนนี้ และการประชุม RBC ที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการกำหนดวันใหม่ จะช่วยลดความตึงเครียดการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศต่อไป
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นการหารือด้านความมั่นคงมีการหารือการเข้าออกด่านชายแดน โดยยืนยันมาตรการ ปฏิบัติของฝ่ายไทยที่เป็นขั้นตอนเหมาะสมตามระดับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ บนพื้นฐานของความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวชายแดน และประชาชนกลุ่มเปราะบางโดยการปฏิบัติและแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนคือ 1 จำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่นการค้าขายขนส่งสินค้า แรงงาน และงานอื่นๆที่จำเป็น 2. การปรับลดวันและเวลาในการเข้าออกจุดผ่านแดน 3. ปิดด่านบางจุด และ4.ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดน ในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤตเพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด ซึ่งปัจจุบันเน้นย้ำว่าการปฏิบัติของฝ่ายไทยได้ดำเนินการใน 2 ขั้นตอนแรกเท่านั้น คือการจำกัดคนและจำกัดเวลาโดยยึดหลักมนุษยธรรมและความพยายามในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงผลกระทบของแรงงานและเกษตรกรในพื้นที่ ทางฝ่ายไทยเน้นย้ำว่าเรามีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะแรงงานกระทรวงแรงงานพร้อมให้การสนับสนุนจัดหางานทดแทนผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยสามารถติดต่อได้อย่างแรงงานจังหวัด ส่วนรายงานไทยในกัมพูชา ทางรัฐบาลมีมาตรการเตรียมการอย่างเรียบร้อยและพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อต้องการ ทั้งนี้ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายในการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ
ส่วนการเกษตรกระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบผ่านการประสานงานกับภาครัฐและเอกชนรวมทั้งการจัดงานเทศกาลผลไม้ต่างๆอย่างต่อเนื่องและมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อยและชาวบ้านในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ประสานในการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเข้าถึงได้โดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัดเช่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ห้างท้องถิ่น และการนำสินค้าเพื่อปรับผลไม้ในท้องที่ออกจำหน่ายให้กับประชาชนโดยตรง
พล.ร.ต.สุรสันต์ ยังกล่าวว่า กองทัพขอให้ความเชื่อมั่นกับประชาชน ในการปกป้องดูแลอธิปไตยของไทย กำลังพลทุกนายของกองทัพ โดยเฉพาะในพื้นที่กองกำลังป้องกันชายแดนมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปยังพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อพบปะกับกำลังพลทหารในพื้นที่กองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งบำรุงขวัญณ ฐานปฏิบัติการมรกต รัฐบาลและกองทัพดำรงความเป็นเอกภาพและขอให้ประชาชนดำรงความสามัคคีในช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทุกคนเป็นทีมไทยแลนด์ สนับสนุนช่วยเหลือกันและกันโดยที่ผ่านมาขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดนอย่างต่อเนื่อง
Advertisement