วันนี้ (19 มิถุนายน 2568) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุนเซน โดยก่อนการเข้ายื่นได้เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นร้อง กกต. ให้ตรวจสอบนายกฯ เรื่องคลิปเสียงที่พูดคุยกับฮุนเซน ว่าจะเข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) หรือไม่
โดยระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงตัวเองจริง ที่มีการพูดถึงเจ้าหน้าที่ของเรา และจากการพูดคุยที่เอ่ยว่าเจ้าหน้าที่เราเป็นฝ่ายตรงข้าม ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่านายกฯ เป็นพวกใคร ส่วนคำขอให้เปิดด่านควรจะต้องรอฟังฝ่ายความมั่นคง นายกฯ ไม่มีหน้าที่ไปรับปากเอง มองว่าไม่ควรตกลงกันเองเพียงไม่กี่คน ตนจึงนำหลักฐานเป็นข้อความต่างๆ ที่สื่อถอดออกมา นำมาให้กกต. พิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงแทบจะได้ความอยู่แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต.ที่จะพิจารณาได้เร็วแค่ไหน
ส่วนที่มีเสียงเรียกให้ลาออก ยุบสภา ตนมองว่า สิ่งที่สังคมประชาชนรับรู้ คือความรู้ความสามารถของนายกฯ ที่ควรพิจารณาตัวเองยังไง อยู่ที่นายกฯว่าจะยังไปไหวไหม มีหลายคนที่เรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ ซึ่งหากนายกฯไม่ไหวก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ไม่ยุบสภาก็ลาออก ให้คนใหม่ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แทน หากมั่นใจให้ประชาชนตัดสินก็ต้องยุบ แต่ถ้าไปไม่ไหวแล้วสภาไม่มีความผิดอะไรก็จะต้องลาออก
หากนายกฯยังมองว่าตัวเองอยู่ได้ จะเกิดการปฏิวัติหรือไม่ นายเรืองไกร ตอบว่า โดยกฎหมายไม่ควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นนายกฯควรพิจารณาตัวเองดีที่สุด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ต่อความมั่นคงอย่างมาก
ส่วนข้ออ้างว่าการคุยครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการสู้รบ นายเรืองไกร บอกว่า ฟังไม่ขึ้น เป็นการโทรฯคุยลับๆ พอข่าวรั่วถึงออกมาพูด ซึ่งการคุยทวิภาคีควรเปิดเผยและฝ่ายความมั่นคงต้องทราบ การพูดว่าแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา คำว่าพวกเราคือใคร ฝ่ายคนไทยไม่ใช่พวกท่านเหรอ มองว่าการพูดต้องคิด
ส่วนที่ฮุนเซนปล่อยคลิปเสียงหวังอะไรนั้น ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เราเสียเปรียบเขา อาจจะหวังผลการเมืองภายในประเทศ และถึงแม้จะมีความสนิทกันก็ไม่เป็นไร แต่หากสนิทกันแล้วจะมาเอาทรัพยากรไม่ได้ ควรให้ทุกส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง จะไปตกลงกันเพียงคนไม่กี่คนไม่ได้
นายเรืองไกร บอกอีกว่า ทางด้านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ยืนยันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาล ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสออกมาว่าจะมีการดึงที่เหลือไปร่วมด้วย ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็ชัดเจน โดยการสวนด้วยการแถลงออกจากพรรคร่วม ซึ่งเดิมทีจะไม่คืนเก้าอี้มหาดไทย แต่ก็นำเรื่องคลิปเสียงมาแถลงด้วย ทั้งนี้ตนมองว่าเมื่อภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมแล้ว รัฐบาลก็จะเหนื่อย
Advertisement