วันที่ 17 มิ.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ในช่วงบ่ายวันนี้ ว่า ปัจจุบันคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ อยู่ระหว่างการยกร่าง และอยู่ในขั้นการประสานงาน คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน และบ่ายนี้จะมีการประชุม เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งใครมาร่วม ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวง ผู้แทน หรือ ผบ.หน่วย ระดับปลัด หรือเทียบเท่า ซึ่งต้องเป็นผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ทันที เพื่อที่จะได้รับทราบแนวทางการทำงานต่อไป
สำหรับมาตรการเพื่อสนับสนุน การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย -กัมพูชา หรือ RBC ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อปรับลดกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่ ซึ่งคงต้องหารือกัน แต่เป้าหมายที่จะตั้งศูนย์นี้ขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนและบูรณาการงานที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า พร้อมทั้งรับทราบและติดตาม งานที่จะต้องใช้ระยะเวลา เช่น การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC และ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ แต่ยืนยันว่าศูนย์ดังกล่าวไม่ควรอยู่นานเกิน1 เดือนด้วยซ้ำ และจะพยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว
พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่นกันปิดด่านบ้านแหลม และด่านผักหาดหอม จ.จันทบุรีทำให้ไม่สามารถขนส่งผลไม้ไทยข้ามแดนไปได้ ซึ่งตนได้เสนอนายกรัฐมนตรีและ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมให้กระทรวงพาณิชย์รับซื้อผักผลไม้ทั้งหมด รวมถึงเชิญชวนภาคเอกชนมาช่วยซื้อ ซึ่งปัจจุบันนายภูมิธรรมได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ หรือในอนาคต ทางกัมพูชาปิดด่านอื่นไม่ให้นักเรียนเข้ามาเรียนหนังสือก็ต้องหารือกับกระทรวงศึกษาธิการในการแก้ไขปัญหา นี่ถือเป็นความจำเป็นที่ต้อง ตั้งหัวหน้าแต่ละหน่วยงานเข้ามาอยู่ในศูนย์เฉพาะกิจนี้
พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ศูนย์ดังกล่าวจะมีการตั้งโฆษก เพื่อชี้แจงข่าวสารเชิงรุก โดยตั้งพล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพไทย และรองโฆษกกองทัพไทย ทำหน้าที่โฆษก รับผิดชอบการแถลงข่าวงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง และอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงด้านงานต่างประเทศ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นในโซเชียล หรือกรณีสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียแบบรายวัน เพื่อชี้แจงประชาชนให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะเริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) เป็นต้นไป
ส่วนชื่อศูนย์กำลังให้กฤษฎีกาตรวจสอบให้อยู่ แต่ปัจจุบันใช้คำว่าทีมไทยแลนด์ก่อน โดยจะใช้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เป็นสถานที่ทำงาน และจะใช้ตึกนารีสโมสร เพื่อแถลงข่าว และจะมีการประชุมกันในเวลา 09.30 นาทีของทุกวัน ซึ่งยอมรับว่าการทำงานจะคล้ายกับ ศปก.ศบค. ที่ผ่านมา แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะมีทั้งงานเฉพาะหน้า และงานระยะยาว แต่ยืนยันว่าศูนย์ดังกล่าวจะไม่ก้าวก่ายงานของหน่วยงานอื่น เช่นกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ
เมื่อถามว่า ศูนย์ดังกล่าวมีอำนาจในการพิจารณามาตรการตอบโต้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็ไม่เชิง หากเป็นมาตรการ ที่อยู่ในอำนาจที่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมา เราดำเนินการอยู่แล้ว และมีการรวมตัวมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่มาทำให้เป็นรูปแบบที่เป็นทางการ มาตรการตอบโต้บางอย่างก็จำเป็น หากทางกัมพูชาดำเนินการบางสิ่งบางอย่าง ที่ส่งผลกระทบต่อจุดผ่านแดนตามแนวชายแดน แต่อำนาจดังกล่าวต้องเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีให้รับทราบและตกลงกัน นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาได้ขอให้ฝั่งไทยทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนและประชาชน หรือสื่อฯอื่นๆ ไม่ให้เสนอข่าวสร้างความเกลียดชัง แต่ได้ชี้แจงไปว่าประเทศไทยให้อิสระเสรี กับสื่อฯและประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะต่างกับทางกัมพูชา ที่มีการเสนอเป็นแนวทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม
"อยากขอสื่อและประชาชน อย่านำเสนอให้เกิดความเกลียด เพราะคนกัมพูชาส่วนหนึ่งก็ทำงานอยู่ที่ประเทศไทยหลักแสนคน และอีกทั้งคนกัมพูชาทั้งประเทศ ไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไป จึงอยากให้ช่วยกัน เพราะทุกคนคงรู้ว่าเหตุการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะคนกัมพูชาทั้งประเทศหรือไม่ การไปสร้างความเกลียดชังคนกัมพูชาทั้งหมดไม่น่าจะถูกต้อง"
เมื่อถามว่าที่ จ.สระแก้วห้ามคนไทยเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา เป็นมาตรการตอบโต้ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็น1 ใน 4 มาตรการ เรื่องการเปิด-ปิดด่าน ตนยืนยันว่า เราเปิดด่านตลอดเวลา เพียงแต่กำหนดเวลาเปิด - ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น ยืนยันว่าเราคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ว่าคนของกัมพูชาจะเชื่อทางฝั่งสมเด็จ ฮุน เซน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็มองว่า ชาวกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งไม่น่าจะมีความคิดเช่นนั้น ขอวิงวอนให้สื่อฯลงข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่เช่นนั้น ตนก็จะโดนโจมตีว่าเป็นคนไทยหัวใจเขมร เหมือนที่ผ่านมา
Advertisement