วันที่ 15 มิ.ย. ที่อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ในฐานะชาวอำเภอน้ำยืน ให้สัมภาษณ์ภายหลังกัมพูชา ยื่น4พื้นที่พิพาทต่อศาลโลก หนึ่งในนั้นคือ ช่องบก ที่อยู่ใน ต.โดมประดิษฐ์จ.อุบลราชธานี โดยมองว่า ผู้นำรัฐบาลควรที่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ ไม่ใช่มีเพียงแค่ผู้นำของกองทัพที่ออกมาพูดเพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้นำรัฐบาลควรที่จะออกมาสื่อสารกับพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็สะท้อนมาแล้วว่ารัฐบาลกับกองทัพควรไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนการเล่นดนตรีควรไปในคีย์เดียวกัน ไม่ใช่รัฐบาลสื่อสารไปอีกทางนึง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดน เกิดความมั่นใจมากขึ้น
ส่วนการประชุม JBC ทุกคนก็คาดหวังไว้แล้ว ซึ่งมองว่า ผลของทางออกคงไม่ได้เกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้ และแน่นอนว่า เราไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกอยู่แล้วเพราะหากไปถึงตรงนั้นไทยจะเสียเปรียบทุกครั้ง “ดังนั้นควรมีการตั้งรับในเชิงรุก สร้างความมั่นใจตรงนี้ว่าจะไม่เสียเปรียบเขา”
โดยคนในพื้นที่ของอำเภอน้ำยืนเอง มีการสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งเรื่องของการเตรียมความพร้อมบังเกอร์และแผนอพยพต่างๆไว้ทั้งหมดแล้ว
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ความมั่นใจควรจะต้องเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และไม่ใช่การสื่อสารของทางกองทัพ แต่ต้องเป็นการสื่อสารจากทางรัฐบาลด้วย
“รัฐบาลควรออกมาพูดให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าพวกเขาจะอยู่ยังไงในระยะยาวอย่างยั่งยืน และทำให้เกิดความมั่นใจไม่ได้อยู่อย่างพะวักพะวง”
ส่วนทิศทางหลังจากการประชุมในวันนี้และการยื่นศาลโลกของกัมพูชาในพื้นที่จะทีท่าทีอย่างไรนั้น คุณวสวรรธ์ มองว่า พื้นที่ก็ยังคงมีการเตรียมความพร้อมเช่นเดิม และคนในพื้นที่มั่นใจในกองทัพ โดยชาวบ้านก็พร้อมเป็นแนวหลังในการสนับสนุนแนวหน้า ทั้งระบบสาธารณูปโภค และฝ่ายปกครองก็จะช่วยกันสอดส่องดูแล รวมถึงชรบ.หมู่บ้านอก็จะช่วยกันตรวจตราความเรียบร้อย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
พร้อมยอมรับว่า ปัจจุบันชาวบ้านก็ยังมีการวิตกกังวลอยู่แต่ไม่ได้วิตกกังวล เท่ากับตอนที่มีสถานการณ์ตึงเครียด แต่เป็นการวิตกกังวล ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ดังนั้นรัฐบาลคงจะต้องออกมาสื่อสารกับประชาชนว่าจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร จึงถือเป็นความสำคัญที่สุดในตอนนี้
ส่วนท่าทีจากการประชุมเมื่อวานนี้ ส่วนตัวมองว่า ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม แต่ก็ยังคงมีความคาดหวังให้เป็นไปในทิศทางที่ดีในวันนี้ แม้อาจจะคาดหวังอะไรได้ไม่มาก เพราะ “วันนี้ฝั่งกัมพูชาเดินเกมไปเยอะแล้ว และเดินเกมล่วงหน้าไปก่อนไทย ซึ่งไทยก็ต้องมาตั้งรับ แต่จะตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องตั้งรับในเชิงรุกที่จะมี นโยบายเชิงรุกทางการทูตและการเจรจา เพื่อให้มีมาตรการไปข้างหน้า” จากนั้นก็ให้รีบสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ว่า เพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร
ส่วนการเดินเกมของกัมพูชา จะนำไปสู่การเพลี้ยงพล้ำของรัฐบาลได้หรือไม่นั้น คุณวสวรรธ์ มองว่า การเพียงพร่ำหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของอนาคต ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้ใครประมาทเพราะไม่รู้อนาคตข้างหน้า ดังนั้น “รัฐบาลจึงควรเตรียมตัวและมีมาตรการที่จะออกมา เพื่อให้มีความเป็นต่อในการเจรจาต่อรอง และเราไม่ควรจะเป็นผู้ตาม ควรจะเป็นผู้กำหนดเกมด้วยไม่ใช่ให้เขากำหนดเกมเพียงอย่างเดียว”
พร้อมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสบายใจและความมั่นใจในระยะยาว เพราะ “ตอนนี้ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้เชื่อมั่นรัฐบาล ว่าจะจบปัญหานี้อย่างไร ในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาระหว่างประเทศ แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีกองทัพที่แข็งแกร่ง”
Advertisement