นายทิวากร สุระชน รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังการตอบโต้ของสมเด็จฮุน เซน ด้วย 6 มาตรการแรง หากไทยยังไม่เปิดด่าน โดยระบุว่า "รัฐบาลไทยมัวทำอะไรกันอยู่" รัฐบาลไม่เคยมีความชัดเจนใดๆเลยนับแต่เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่มีความกล้าแสดงจุดยืนที่มั่นคงต่อประเด็นความมั่นคงระดับชาติ
นายทิวากร กล่าวว่า ท่าทีของกัมพูชาในครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นการเดินหมากเชิงรุก ทั้งในมิติการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคง ขณะที่ฝ่ายไทยกลับยังคงอ้างว่าเป็น "ความเข้าใจผิด" และเลือกใช้ช่องทางการประสานงานทางการทูตเพื่อชี้แจง แทนที่จะออกมาตรการเชิงรุกหรือประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ทำให้ไทยกลายเป็น "ตัวตลก" ในสถานการณ์ ความมั่นคงระหว่างประเทศที่กำลังร้อนระอุอยู่ในเวลานี้
"รัฐบาลไม่มีแม้แต่แถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่สะท้อนความมั่นคงของชาติ หรือแผนรับมือหากสถานการณ์บานปลาย ขณะที่ฝั่งกัมพูชานั้นไม่เพียงแสดงออกอย่างชัดเจน แต่ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในประชาชนของตนได้ว่า พร้อมรับมือทุกสถานการณ์" นายทิวากรกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยมีแผนสำรองหรือไม่ หากเกิดความไม่สงบจริงในพื้นที่ชายแดน หรือจะปล่อยให้เป็นเพียงการ "สั่งชี้แจง" ซ้ำซากของกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น
นายทิวากร ยังระบุว่า ความไม่ชัดเจนของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ไทยเสียเปรียบในการเจรจาและกลายเป็นฝ่ายตั้งรับโดยสิ้นเชิง ทั้งที่การประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ควรเป็นโอกาสของไทยในการแสดงภาวะผู้นำและยืนยันหลักการด้านความมั่นคงอย่างสง่างาม แทนที่จะเข้าสู่เวทีด้วยท่าทีลังเลและปราศจากยุทธศาสตร์
นายทิวากร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่พึ่งพาการค้าชายแดน ต่างวิตกกังวลต่ออนาคต แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถสื่อสารหรือสร้างความมั่นใจได้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องภายใน แต่เป็นวิกฤตความมั่นคงระดับชาติที่ต้องการผู้นำที่เด็ดขาด ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบไปที่ "ข่าวหลุด" หรือการ "เข้าใจผิด" อย่างที่นายกฯให้สัมภาษณ์
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการถึงมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือกับสถานการณ์ พร้อมย้ำว่า พรรคไทยสร้างไทยขอเสนอให้มีการจัดตั้ง "คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ชายแดน" โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อประสานทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในเกมสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศครั้งนี้
Advertisement