วันที่ 25 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ร่วมกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายทนง ขันทอง, นายนพรัตน์ พรวนสุข, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายประพันธุ์ คูณมี จัดเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568” ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมรับฟังด้วย
โดยนายสนธิ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ที่ตนเองทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตั้งแต่ปี 2562 ไม่เคยมีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องดีๆ มีแต่เรื่องทุจริต ตนเองอยากจะทำอะไรสักอย่างในชีวิตทิ้งเอาไว้ให้เป็นสัญลักษณ์ให้ลูกหลานได้เห็นรับไม้ต่อ เพื่อให้เป็นอะไรที่ยั่งยืนกับคนไทย เป็นอะไรก็ได้ที่ให้มีทั้งคนรักและคนเกลียด ประเทศนี้เป็นของทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีประชาชนบางส่วนที่โง่เขลา แต่อย่างน้อยก็มีประชาชนบางส่วนที่มีสติปัญญา แต่อาจจะไร้ที่พึ่ง โดนอำนาจรัฐรังแกไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้ที่มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่โดยไม่มีทางต่อสู้
ส่วนกรณีของเรื่อง กยศ. ให้ลดดอกเบี้ยปรับลงเหลือ 0.5% ให้มีผลย้อนหลัง หากตรวจสอบแล้วมีการจ่ายเกินก็ควรจะคืนเงินเขา ตอนนี้มีประชาชนหลายส่วนเดือดร้อน เรื่อง หนี้ กยศ. เป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองก็ได้ตั้งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อที่จะช่วยเหลือเด็กให้ได้รับการศึกษา และเป็นมูลนิธิที่ทำเพื่อสังคม ระดมเงินช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมูลค่ากว่า 85 ล้านบาท
“ผมสงสารคนที่ถูกรังแก ตนเองจึงมองว่ามูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เป็นองค์กรเอกชน และเป็นองค์กรของประชาชนอย่างแท้จริง และผมคือจอมรีดไถคนรวย และตนเองตั้งใจจะตั้งศูนย์ดำรงธรรมอย่างแท้จริง “ นายสนธิ กล่าว อีกทั้งตนเองได้มองว่า “อุตตม-สนธิรัตน์” ที่เพิ่งลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ว่า หากเลิกเล่นการเมืองแล้ว ก็หันมาช่วยเหลือสังคมแบบเต็มที่ และตนเองก็พร้อมจะช่วยเหลือทุกกระบวนการที่
“อยุติธรรม” ขององค์กรรัฐที่เบียดเบียนประชาชน คนเหล่านี้ต้องถูกทำร้ายด้วยความถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งตนเองจะขอหยัดยืนแบบนี้เคียงข้างประชาชน เป็นอนุสรณ์ที่ทุกคนจะจดจำ และนี่คืองานสุดท้ายที่ผมจะทำก่อนจะตาย ประเทศไทยไม่ได้บอบช้ำอย่างเดียว แต่ไม่มีที่จะอยู่แล้ว
" ผมคิดถึงวันที่จะไม่อยู่บนโลกนี้ตลอดเวลา ผมไม่เคยประมาทแม้แต่วันเดียวแต่มีเรื่องที่ค้างอยู่ในใจ คือ ความยุติธรรมยังไม่ได้เกิดขึ้น"
Advertisement