วันนี้ (13ธ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวทักทายรัฐมนตรีและสส.ของพรรคเพื่อไทยในวงสัมมนา “โครงการเสริมศักยภาพส.สและบุคลากรทางการเมือง” ว่า เรามาที่นี่มีนายกรัฐมนตรีมาด้วยกัน 3 คนแต่ตนว่าไฮไลท์ที่สำคัญคือคนสุดท้าย ทุกคนคงใจจดใจจ่อจะฟังเรื่องดีๆ ซึ่ง 3 เดือนแล้วตนไปเลี้ยงหมา ไปทำธุรกิจมา ไม่ได้ทำงานเรื่องพวกนี้เลย พร้อมกับยังเล่าถึงที่ตัดสินใจมาเป็นนักการเมือง ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องเพื่อไทยยังอบอุ่น ได้รับการต้อนรับมาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความยินดีและมีความสบายใจที่จะเข้ามาอยู่ ตอนที่จะตอบรับมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าก็มีการตัดสินใจ อยู่นานพอสมควรอยู่เหมือนกัน มีความลังเล และได้พูดคุยกับหลายท่าน และคนสุดท้ายที่ได้คุยคือคุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งสิ่งที่ตนกลัวที่สุด คือเรื่องปราศรัย กลัวมากที่สุด ซึ่งนายณัฐวุฒิ บอกว่าไม่เป็นไร ขึ้นไปพูดโบกมือยิ้มๆก็พอแล้ว ซึ่งเวทีแรกที่จังหวัดพิจิตร ก็ขาดสั่นอยู่เหมือนกัน ก็พัฒนามาเรื่อยๆ และระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรี เองก็ท้องอยู่หลายเดือน ซึ่งที่ผ่านมามีเบื้องหลังมากมาย มีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกันนายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าสส.เห็นหรือไม่ ว่านายกรัฐมนตรีมีความเหน็ดเหนื่อย มีความทุ่มเท มีความเสียสละ เพราะทำธุรกิจอยู่ดีๆ ก็ต้องมาเสียสละเพื่อบ้านเมือง ตนคิดว่าท่านก็ทำได้ดีมากมีหลายโมเม้น ในช่วงเวลาที่เราไปหาเสียง ซึ่งมีเหตุการณ์ที่ตนต้องตกใจเพราะนายกรัฐมนตรี บอกหนูหายใจไม่ออก หายใจไม่ทันก็ต้องพาออกไปข้างนอกบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราเองไม่ทราบว่า ความกดดัน การที่ต้องมายืนตรงนี้ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และจนวันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีความเสียสละทุ่มเทมากน้อยขนาดไหน
และช่วงที่ตนเป็นนายกฯ ตนก็พูดคุยกับนายกฯแพทองธารมาตลอด ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อให้ช่วยคุยกับสมาชิกของพรรคในการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อพูดคุยกับสส.เพื่อนำปัญหาต่างๆมาแก้ไข ซึ่งจริงๆแล้วเมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลายๆเรื่อง ถึงแม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับยังระบุว่า เสียงสส. 141 กับ 500 เสียง กรรมการบริหารพรรค แม้ว่าจะมีการจัดให้พบปะกัน เพื่อรับฟังปัญหานำไปแก้ไข ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นช้าแต่ตนก็เชื่อว่ามีการพัฒนาตรงนี้ได้อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล
พร้อมกับยังเปิดเผยว่า ขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ตนดีใจ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนหรือนายกฯแพทองธาร การขับเคลื่อนต่างๆก็คงเกิดขึ้นได้ลำบาก จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งวันแรกที่พ้นจากตำแหน่ง ตื่นเช้ามาก็งงๆนิดหน่อยว่าจะไปไหนดี แต่พอตื่นมาแล้วทุกอย่างก็ไหลลื่นไป ซึ่งสิ่งที่คนควรทำคือ เชิญรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุย เพื่อมอบหมายงาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน ก็สำเร็จ จากนั้นต้นก็เดินทางไปต่างประเทศ
นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า หลังพ้นตำแหน่งวันแรกสื่อมวลชนพยายามขอสัมภาษณ์ตนตนต้องพูดตรงๆจากใจ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้จะรักกันเหมือนพี่เหมือนน้องเพราะวันที่รู้จักตำแหน่งไปแล้ว มีคนใหม่มาแล้ว ถึงแม้รัฐมนตรีจะเป็นหน้าเก่าๆหลายท่านเหมือนเดิม แต่วิธีการทำงาน หลักการคิด หลักการทำงานนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ต้องให้เกียรติท่าน การที่ตนจะมาพูดนิดพูดหน่อยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือให้คำแนะนำ ตนคิดว่าไม่เหมาะสม แต่ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาตนเชื่อว่าท่าน ได้ตั้งไข่อย่างสมบูรณ์ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีพอสมควร จากพวกท่านทุกคน นำพารัฐบาล ที่มีการนำและมีพรรรคร่วมรัฐบาลที่ค่อนข้างจะเหนื่อยก็ต้องยอมรับ แต่ถือว่าบริหารจัดการได้ดีพอสมควร ซึ่งต้องช่วยเหลือกัน ในการผลักดันผลงาน
นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์หลังนี้ มีการพูดคุยใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม ในการที่จะพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลของเรา ซึ่งตนอยู่ตรงนี้ก็ทราบว่ารัฐมนตรีของเราทุกคนได้ทำงานอย่างเต็มที่ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ได้เสียสละ ตนถือว่าช่วยดูแลในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่เราช่วยกันซัพพอร์ต ทุกช่องทาง Social Media หรือพูดคุยกับประชาชนถึงนโยบาย
และเมื่อวาน(12 ธ.ค.67) แถลงผลงาน 90 วัน เดี๋ยวก็จะมีเรื่องดีๆ แถลงตามออกมาเยอะแยะ ซึ่งเรื่องแถลงออกไปก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็ตอบรับความร่วมมือที่ดี ดีกว่าสมัยก่อนที่ผมเป็น เพราะท่านเก่งกว่าผมในเรื่องพวกนี้ ตนเชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีปัจจุบันนั้นเหมาะสมที่สุดที่ยืนอยู่ตรงนี้ และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการ support จากพวกท่าน แน่นอนว่า 141 จาก 500 เสียง เป็นอะไรที่ล่อแหลมมาก เราทำได้เยอะขนาดนี้ก็ถือว่านายกรัฐมนตรีเก่งมากแล้ว และเรื่องต่างๆหลายเรื่องที่อยากได้รับความร่วมมือมากขึ้น แน่นอนว่าเรามีสส.อยู่ 141 แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสบายใจ ตำแหน่งก็มีอยู่น้อย ก็ต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป และผมเชื่อว่ากรรมการบริหารพรรค มีการดูแลสมาชิกพรรคเป็นอย่างดีและสส.เป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจที่ดี ให้กับนายกฯแพทองธาร ตนเคยพูดไปแล้วหนหนึ่งปีที่แล้ว สนามหญ้าอีกบ้านหนึ่งอาจดูเขียวกว่าบ้านของเรา หากมองข้ามรั้วไป หญ้าเขียวท่านก็ยังไปอยู่บ้านนั้น แต่ใต้หญ้าเขียวๆมีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า มีหลุมมีอะไรพรางอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตนเชื่อว่าแม้บ้านเราสนามหญ้าเขียวไม่เท่า มีหลุมมีบ่อบ้าง ท่านเห็น เรามาช่วยกันอุดมาช่วยกันปิด มาช่วยกันเอาหญ้ามาเสริมจะดีกว่า สร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรง ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ตนในฐานะผู้ในฐานะคนนอก และเข้ามาอยู่ในภาคนี้ 2 ปี ตนมั่นใจ ว่านี่เป็นสถาบันพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทยอย่างแน่นอน ดูได้จากการที่เรา ขึ้นรถไฟมาด้วยกันสนุกสนานสมาชิกทุกท่านมาหมดมีความเป็นกันเองมีเสียงหัวเราะรื่นเริง ตนเชื่อว่าไม่มีพรรคไหนเป็นอย่างนั้นมีแต่พรรคเรา ตนก็ไม่เคยอยู่พรรคอื่น แต่ตนพูดได้และกล้าพูดว่าไม่มี เพราะฉะนั้นอะไรที่บ้านเรามันไม่สมบูรณ์แบบ แต่การที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ เราเป็นรัฐบาล อยู่ด้วยความเข้าใจกันมีความรักกัน และนายกทักษิณเองก็กลับมาแล้ว มาช่วยเราคิดนโยบาย คนรุ่นใหม่ก็เติบโต และส่วนตัวหัวใจเพื่อไทย 100% และพร้อสนับสนุนนายกแพทองธาร ไม่ไปไหน แล้วแต่จังหวะจะโคนที่จะเอามาพูด ขอให้ไว้ใจ ไม่ได้หายไปไหน ยินดีสนับสนุนเสมอ
Advertisement