“แด๊ดดี้ ศิธา” ซัดกลับ “หมอชลน่าน” ถามแทนประชาชน ลั่นชื่นมื่นกลับตาลปัตร หากสื่อถามก็อย่าลืมตอบ ไม่เช่นนั้นจะเสียมารยาท
จากกรณี น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ได้ยกมือลุกขึ้นยืน กล่าวว่า เรามีความกังวลในรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บิดเบี้ยว ระบุให้ ส.ว. ที่แต่งตั้งโดย คสช. เลือกนายกรัฐมนตรีได้ใน 5 ปีแรก ทำให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนและผิดเพี้ยนไป ขณะนี้เราถูกดึงไปเล่นในเกมของผู้ก่อการรัฐประหาร แม้จะรวมเสียงกันได้ 300 กว่าเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้วก็ตาม
จนต่อมา นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผย โดยพูดต่อว่านายศิธาผ่านไปทางคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ใจความว่า ตนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับคำถามของนายศิธา เพราะนายศิธาไม่ได้เป็นสื่อ แต่ไปคาดคั้นตั้งคำถามขณะแถลงข่าว ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ตนถือเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง ฝากคุณหญิงด้วยนะครับ ใครจะมาจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งกับเรา คำถามนั้นเหมือนเป็นการพุ่งเป้ามาที่พรรคเพื่อไทยที่กำลังถูกข่าวสารกระหน่ำซ้ำเติมอยู่ตลอด ตนก็ค่อนข้างลำบากใจ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังคงสนับสนุนพรรคก้าวไกลเหมือนเดิม
ล่าสุด น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ชี้แจงผ่านดฟซบุ๊กส่วนตัว “น.ต.ศิธา ทิวารี - Sita Divari” ระบุว่า
ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาฝากถึงผมในมุมของการ #เสียมารยาท นั้น ผมขออนุญาตชี้แจง ดังนี้
เมื่อวานนี้ ในการแถลงข่าวเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ผมได้ตั้งคำถามไปยัง 8พรรคการเมือง ว่า
“ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกของ รธน.60 โดยกำหนดให้ ส.ว. มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ด้วยการเซ็น #AdvanceMOU อีก 1 ฉบับ ระบุว่าท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย (หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม) ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม” ได้หรือไม่
เนื่องจากการแถลงข่าวยืดเยื้อเกินเวลา ผมจึงบอกว่า “จะตอบทั้ง 8พรรค” หรือ “จะตอบเฉพาะ 2 พรรคใหญ่” คือ #ก้าวไกล และ #เพื่อไทย เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ได้
คุณพิธา ได้กดไมค์ตอบผมทันที ว่าเป็นไปได้ที่จะลงนามใน Advance MOU ร่วมกับในอนาคตอันใกล้ ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบคำถามผม แต่ได้ตอบคำถาม ที่นักข่าวฝากให้ผมถามให้ ผมจึงได้ย้ำคำถามไปอีกครั้ง ผมก็ได้รับคำตอบจากคุณพิธาคนเดียว ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบเช่นเดิม
.
เมื่อถึงจุดนี้ ผมพอจะเข้าใจว่า คำถามของผม คุณหมอชลน่านไม่ได้ลืมที่จะตอบ แต่อาจเป็นคำถามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอึดอัดที่จะตอบ ผมจึงยุติการตั้งคำถาม หลังจากแถลงข่าวเสร็จ เราก็ไปนั่งทานข้าว และพูดคุยชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น โดยที่คุณหมอก็พูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ได้มีการคาดคั้น หรือชี้แจง จากทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด
ผมไม่ทราบว่า หลังจากนั้น คุณหมอโดนใครตำหนิ หรือไปรับบรีฟจากใครมา อยู่ ๆ วันนี้จึงงัวเงีย ออกมาพูดกับสาธารณชนว่า เป็นการเสียมารยาท และฝากหัวหน้าพรรคฯมาอบรมผม ด้วย
โดยในมุมมองผมนั้น ทั้งตามมารยาทที่คุณหมอหยิบยกมาอ้าง และเนื่องจากที่เป็นลูกผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นั้น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราก็ควรจะพูดคุยด้วยอารมณ์และความรู้สึก และ Messages เดียวกัน ไม่ใช่ดื่มกินชื่นมื่นกันเป็นชั่วโมง แต่พอวันรุ่งขึ้นกลับตาลปัด มาพูดถึงกันในเชิงลบ ผ่านสื่อมวลชนเช่นนี้
สำหรับผม การที่พรรคการเมืองจะออกมายืนยัน เพื่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนนั้น มันยิ่งใหญ่กว่าการเสียมารยาทของผมเพียงแค่คนเดียวมากนัก ดังนั้นการที่ผมจะเอาตัวเองเข้าแลก เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เช่นนี้ ผมไม่ได้กังวลต่อคำสบประมาท ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่อย่างใด
ถ้าจะให้พูดให้เคลียร์คัท “ผมไม่ได้กลัวการเสียมารยาท มากไปกว่า กลัวการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ” เลย
ส่วนในมุมการรักษามารยาท ที่คุณหมอกำหนดบรรทัดฐานมานั้น เมื่อทราบความอึดอัดของหมอชลน่านเช่นนี้ ผมก็คงไม่ไปถามอะไรถึงเรื่องนี้อีก
ในทำนองเดียวกัน หากหลังจากนี้มีประชาชนผู้ลงคะแนนให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมร่วม 25 ล้านคน หรือสื่อมวลชนทั่วไป จะมีใครไปถามหมอแทนประชาชน ถึงจุดยืน Advance MOU นี้อีก ผมก็หวังว่า ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะรักษามารยาท ด้วยการตอบคำถามต่อพี่น้องประชาชนด้วย ครับ
โดยหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ประชาชนก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันเป็นจำนวนมาก
Advertisement