ออกหมายจับ "แอน จักรพงษ์" อาจจงใจหลบหนี ? หลังผิดนัดคำพิพากษาคดีฉ้อโกง
ศาลสั่งออกหมายจับ "แอน จักรพงษ์" อาจจงใจหลบหนี !? หลังผิดนัด ไร้เงาฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกง พร้อมสั่งปรับนายประกันเต็มตามสัญญา
ผู้สื่อข่าว มีรายงานว่า วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.1440/2566 กรณี นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล บุตรชายนพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือ "แอน จักรพงษ์" นักธุรกิจชื่อดังเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องสรุปความผิดว่า เมื่อระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2566 จำเลยร่วมกันหลอกลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงซึ่งควรบอกแจ้งแก่โจทก์ โดยชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยทั้งสองไม่สามารถคืนเงินให้แก่โจทก์ในวันเวลาตามที่แจ้งได้
เนื่องจากภาระทางการเงินของจำเลยที่ 1 ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ดังกล่าว โดยการหลอกลวงนั้นจำเลยทั้งสองได้ทรัพย์สินจากโจทก์ จำนวน 30,000,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยที่ 2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว และศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ศาลสืบพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้น ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568)
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัด นายจักรพงษ์ จำเลยที่ 2 ไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พฤติการณ์ทำให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 จงใจหลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาต่อไป ส่วนนายประกันไม่ส่งตัวจำเลยที่ 2 ตามกำหนดนัดถือว่าผิดสัญญาประกัน โดยให้ปรับนายประกันเต็มตามสัญญาประกัน ให้ออกคำบังคับให้ชำระค่าปรับภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ โดยศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 9.30 น.
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า "แอน จักรพงษ์" หอบเงิน 6 พันล้านหนีซุกปีก "ราอูล" พร้อมได้สัญชาติเม็กซิโกแล้วนั้น ทาง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ออกแถลงการณ์ตอบโต้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568
"กรณีรายการดังเปิดเผยข้อมูลว่า แอน จักรพงษ์ ผู้บริหารของบริษัท ได้แปลงเงิน 6,000 ล้านบาทเป็นสกุลเงินดิจิทัลและหลบหนีไปเปลี่ยนสัญชาติที่ประเทศเม็กซิโก ทีมผู้บริหารยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จและเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีตัวเลขหนี้สินจริงอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีอิสระแล้ว ดังนั้นข้อกล่าวหาเรื่องการนำเงินออกไปถึง 6,000 ล้านบาทจึงขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางบัญชีอย่างสิ้นเชิง"
"ทางด้านสถานะทางการเงินและคดีความ JKN ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเกิดจากสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน (Liquidity Mismatch) โดยเงินทุนที่ระดมมาได้ถูกนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจจริง ไม่ได้มีการยักย้ายถ่ายเทตามที่ถูกกล่าวหา"
"ส่วนกรณีที่ถูกหน่วยงานรัฐกล่าวโทษนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งทางบริษัทมั่นใจในความบริสุทธิ์และพร้อมพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ JKN ระบุทิ้งท้ายว่าหากยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนที่สร้างความเสียหายต่อบริษัท เตรียมจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด"
คอนเทนต์แนะนำ
Advertisement
