ช็อกกลางไลฟ์! สาวเริงรักในตึกร้างปัดถูกขืนใจ อึ้งชีวิตหวิดโกอินเตอร์ เพจดังแจงต้องช่วย (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nutch Prasopsin ไลฟ์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Kingdom Of Tigers: ทูนหัวของบ่าว ลงพื้นที่รกร้าง อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อช่วยเหลือหมูป่าที่คลอดออกลูก แต่กลับพบว่าถูกสุนัขจรจัดนับร้อยตัว ขโมยลูกหมูไปกิน เหลือเพียงแม่หมูประมาณ 10 ตัว

แต่สิ่งที่ทำให้สลดไปมากกว่านั้น ในระหว่างที่ไลฟ์สด เธอได้หันกล้องไปเจอกับชาย-หญิงคู่หนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่กำลังแก้ผ้าและมีเซ็กซ์กัน จึงตกใจและรีบวิ่งออกจากพื้นที่ทันที จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า เป็นหญิงสติไม่ดี ที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านร้าง และมักจะมีผู้ชายแวะเวียนเข้ามามีเซ็กซ์ด้วยวันละหลายรอบ ตั้งแต่เช้าตรู่ยันค่ำ โดยเฉพาะคนขับรถสิบล้อในพื้นที่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่การขืนใจ เพราะหญิงสาวที่สติไม่ดีก็ได้รับเงินจากกลุ่มชายดังกล่าว ประมาณครั้งละ 10 หรือ 20 บาท บ้างก็ให้ 50 บาท

ล่าสุดวันที่ 2 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุซึ่งมีอาคารลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ปล่อยทิ้งร้างนับสิบหลัง ด้านในอาคารดังกล่าวพบฟูกนอนขาด ๆ เสื่อ และหมอนวางอยู่ รอบ ๆ มีถุงใส่เสื้อผ้า รวมถึงขยะ นอกจากนี้ ยังมีรอยไหม้และเศษเถ้าถ่านจากการก่อไฟทำครัว โดยรอบมีหมูป่าขนาดใหญ่นอนอยู่ตามพงหญ้า และใต้ต้นไม้ประมาณ 2-3 ตัว และยังมีสุนัขจรจัดประมาณ 4-5 ตัว

สอบถามนายไพโรจน์ รัศมี อายุ 61 ปี ผู้ดูแลพื้นที่ เล่าให้ฟังว่า หญิงสาวคนดังกล่าวชื่อว่า น.ส.แดง อายุ 44 ปี โดยน.ส.แดง อาศัยอยู่ที่นี่ประมาณ 2-3 ปีแล้ว กลางวันมักจะออกไปหาเก็บของเก่า กลางคืนก็กลับมานอนที่นี่ ซึ่งเจ้าของพื้นที่ก็ทราบเรื่องและอนุญาตให้อยู่เพราะความสงสาร ซึ่งตนก็เคยเข้าไปพูดคุยห้ามเรื่องการมั่วสุมเสพยา หญิงสาวรายนี้ก็รับปากและพูดคุยรู้เรื่อง

ก่อนหน้านี้ ตนเคยเข้าไปช่วยเก็บของในห้องนอนน.ส.แดง เพราะเขาจุดไฟจนเกิดไฟไหม้ และพบว่าภายในห้องนอนมีอุปกรณ์เสพยาเสพติด จึงทราบว่าน.ส.แดง เสพยา จึงได้ตักเตือนไป กระทั่งช่วงปีที่ผ่านมา น.ส.แดง ก็เคยถูกตำรวจจับไป 1 ครั้ง หายไปประมาณ 2 สัปดาห์ก็กลับมาใหม่

ส่วนเรื่องที่มีผู้ชายแวะเวียนมาหา ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง บางครั้งก็เป็นขาประจำ บางครั้งก็เป็นขาจร มีทั้งรถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ บางคนก็เดินมา ซึ่งตนเคยเข้าไปเตือนไม่ให้คนนอกเข้ามาแล้ว แต่น.ส.แดง ก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การขืนใจ แต่น่าจะเป็นลักษณะการซื้อบริการมากกว่า เพราะฝ่ายหญิงไม่เคยขอความช่วยเหลือใด ๆ หลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการ ตนก็จะเคลียร์พื้นที่ไม่ให้คนนอกเข้ามา ส่วนตึกยังเก็บไว้เพราะทางบริษัทกำลังปลูกต้นยูคาลิปตัสและกำลังจะมีโครงการอื่น ๆ ซึ่งจะมีคนงานมาดูแล

โดยจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ซึ่งเคยมีโครงการสร้างหมู่บ้าน แต่เจอวิกฤตฟองสบู่แตกในช่วงปี 2540 ทำให้โครงการหยุดชะงัก ไม่สร้างต่อ ปล่อยรกร้าง จากนั้นบริษัทของตนก็เข้ามาเทคโอเวอร์ จนเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว หมูป่าซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เลี้ยงไว้หลุดออกมา และมักมาอยู่ที่บ้านร้างจนขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานกว่า 100 ตัว เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็มาจับออกไปประมาณ 100 ตัว แต่ยังเหลืออยู่บางส่วน ตอนนี้ที่นับได้มีประมาณ 14 ตัว ปกติก็จะมีผู้ใจบุญแวะเวียนนำอาหารมาให้หมูป่า ซึ่งตอนนี้ก็มีปัญหาเพราะมีสุนัขประมาณ 100 ตัวที่ถูกนำมาทิ้งไว้ จะรุมกัดลูกหมูป่าจนตาย ตอนนี้ปัญหาเรื่องสัตว์ ทางปศุสัตว์จะเข้ามาดูแลและจับออกไป

นายประกอบชล ครุฑสกุล อายุ 52 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ปกติมักจะเห็นผู้ชายขับรถจักรยานยนต์เข้าออกตึกร้างเป็นประจำ ซึ่งตนก็ได้ยินว่าเข้าไปหาน.ส.แดง ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การข่มขืน แต่เป็นการสมยอม เพราะผู้หญิงขายบริการแลกเงิน ซึ่งก็มีชาวบ้านพูดกันว่าครั้งละ 200 บาท เป็นที่รู้กันของคนในพื้นที่
โดยผู้หญิงก็ดูเบลอ ๆ หากไม่พอใจใครก็ด่า คิดว่าคงไม่มีใครกล้าขืนใจ

เวลา 10.30 น. ที่สภ.พระสมุทรเจดีย์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาพูดคุยกับ น.ส.แดง อายุ 44 ปี หญิงเร่ร่อนคนดังกล่าว โดยน.ส.แดง พูดวกไปวนมา ระบุว่า อาศัยอยู่ที่ตึกร้างจุดเกิดเหตุมาประมาณ 1 ปีแล้ว เคยทำงานร้านอาหาร ปัจจุบันเก็บของเก่า และปฏิเสธว่าไม่มีผู้ชายเข้าไปหา รวมถึงไม่ได้ถูกข่มขืน หรือทำร้ายแต่อย่างใด หลังจากนี้จะขอไปอยู่กับญาติบริเวณวัดแค อ.พระสมุทรเจดีย์

ภายหลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีการขายบริการตามที่มีข่าวหรือไม่ น.ส.แดง กล่าวยอมรับว่าขายบริการจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ขอความร่วมมือให้สอบถามข้อมูล เพราะเกรงว่า น.ส.แดง อาจจะสับสนและพูดวกไปวนมาทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไปมากกว่านี้

พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.พระสมุทรเจดีย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ส่งตัวน.ส.แดง ไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พบว่าสภาพจิตปกติดี จึงต้องนำตัวกลับมาเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ดำเนินการต่อ

จากการสอบประวัติ พบว่า น.ส.แดง เคยถูกจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติด และเคยเข้ารับการบำบัด ส่วนเรื่องผู้ชายที่แวะเวียนไปหา ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่การข่มขืน แต่เป็นคนคุ้นเคยที่แวะเวียนเข้ามาหา ไม่ใช่การขายบริการ แต่น.ส.แดง อาจจะตอบวกไปวนมา หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ พม. จะรับ น.ส.แดง ไปดูแลต่อ ส่วนพื้นที่เกิดเหตุได้ประสานหน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปจัดการปรับสภาพพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะรับหมูป่าไปดูแลต่อทั้งหมด

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.นัชญ์ ประสพสิน อายุ 44 ปี เจ้าของเพจ “ทูนหัวของบ่าว” ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนจะเข้าไปช่วยลูกหมูป่า เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกหมูป่าถูกหมาจรจัดกัดกินหมดแล้ว เหลือแค่หมูป่าตัวใหญ่ ๆ และหมาจรจัดจำนวนมาก ตนจึงไลฟ์สดไปเรื่อย ๆ มีหมูตัวหนึ่งอยู่หน้าบ้าน พร้อมมีเสียงเพลงดังมาจากในตึกร้าง สายตาตนเหลือบไปเห็นผู้หญิงกับผู้ชาย แก้ผ้าและกำลังมีอะไรกันอยู่ในตึกร้าง วินาทีนั้นช็อกจึงรีบเอากล้องหลบ พร้อมกับรีบเดินออกมาและปิดไลฟ์สดด้วยความกลัว เพราะผู้ชายมองหน้าตน

หลังจากนั้น ตนก็เดินมาถามชาวบ้านที่ออกกำลังกายกันอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นเรื่องปกติ เจอได้ทุกวันเช่นนี้ โดยหญิงรายนี้สติไม่ดี และเป็นคนเรร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และเป็นที่บำบัดทางเพศให้ผู้ชาย ตนก็ยิ่งรู้สึกช็อกกว่าเดิม ตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านไปไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา พร้อมกับบอกว่าหญิงรายนี้ติดยาเสพติด ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะไม่เจอผู้ชายที่ข่มขืน ต้องให้พม.มารับเรื่องต่อ

ตนจึงขอให้ประสานเจ้าหน้าที่พม. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า ประสานยาก เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเข้ามา หลังจากนั้นจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราว ก่อนจะมียอดแชร์จำนวนมาก จนเป็นข่าวและมีสื่อมวลชนตามลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำตัว น.ส.แดงออกไปจากพื้นที่เพื่อเข้ารับการรักษา แต่ผลปรากฏว่าไม่ได้มีอาการป่วย จึงให้พม.รับไปดูแลต่อ

น.ส.นัชญ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนแค่อยากตีแผ่ให้สังคมดีขึ้น แม้บางคนจะมองว่าตนเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่น เพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องปกติ ชาวบ้านทุกคนรู้หมด แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ทำอะไรเลย และถึงแม้จะเป็นการค้าบริการ ก็ต้องมองว่าผู้หญิงเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พื้นที่ตรงนั้นก็ไม่ถูกสุขลักษณะ ผู้ชายเข้าออกได้ตลอด ถ้าถูกฆ่าข่มขืนขึ้นมาจะเป็นอย่างไร

นางอำนวย สุขเกษม อายุ 57 ปี ญาติน.ส.แดง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น.ส.แดง อาศัยอยู่ด้วยกันกับตนที่บ้านย่า จากนั้นน.ส.แดง ก็ออกจากบ้านไปอยู่กับแม่ ประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว ภายหลังแม่เสียชีวิต น.ส.แดงก็หายตัวไป ไม่เคยกลับมาหาญาติอีกเลย

กระทั่งเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ตนเจอน.ส.แดง เดินข้างถนน ลักษณะเป็นคนเร่ร่อน และน่าจะติดยาเสพติดด้วย เพราะผอมมาก ๆ ตนยังเคยให้เงิน เขาก็มองหน้าแต่ไม่พูดอะไร ไม่แน่ใจว่าจำตนได้หรือไม่ โดยน.ส.แดง ไม่ได้แจ้งเกิด จึงไม่มีเอกสารประจำตัว ก่อนหน้านี้ทราบว่าเคยมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ แฟนจะพาไปอยู่เมืองนอก แต่ไปไม่ได้เพราะติดเรื่องเอกสาร

อย่างไรก็ตาม เมื่อตนได้เห็นข่าวแล้วก็รู็สึกสลดใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มาแจ้ง แต่ตนบอกให้เจ้าหน้าที่จัดการได้เลย เพราะตนไม่สามารถรับ น.ส.แดง มาเลี้ยงได้ เนื่องจากไม่มีเงินมากพอ ไม่ได้ผลักไสแต่ตนไม่พร้อมจริง ๆ คิดว่าเจ้าหน้าที่รับไปดูแลน่าจะดีกว่า