กรณีการเสียชีวิตของบุคลากรทางการเเพทย์ด่านหน้า อย่าง "หมอแอ้ม" หรือ น.อ.หญิง ดร.พญ.สรัญยา ฬาพานิช แพทย์ประจำแผนกรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ที่ติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิต แม้ว่าคุณหมอจะได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันคุณพ่อและคุณแม่ของคุณหมอ ก็เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เช่นกัน
โดยนพ.สิทธิพงศ์ ฬาพานิช หรือ "หมอเตี๋ยว" น้องชายของหมอแอ้ม ได้ออกมาโพสต์ระบายความรู้สึกและพูดถึงเหตุการณ์ที่สูญเสียกับครอบครัวผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า "พี่สาวแม้จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว แต่ก็ยังเสียชีวิต ซึ่งครอบครัวเสียชีวิตเพราะโรคนี้ไปแล้ว 3 ชีวิต คุณแม่ เมื่อ 25/7 คุณพ่อ 31/7 แล้วก็พี่สาว เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.64)"
ทั้งนี้ หมอเตี๋ยว ยังระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าตนมีสิทธิ์ที่จะพูดความรู้สึก และความต้องการที่อยากจะเห็นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ดีกว่านี้ ตนไม่อยากจะโทษวัคซีนใด ๆ ว่าดีหรือไม่ดี เพราะหลายยี่ห้อฉีดครบก็มีเสียชีวิต แต่โดยหลักทางวิชาการที่ยอมรับในหลายประเทศ ชนิด mRNA น่าจะเป็นคำตอบที่ดีในเบื้องต้น แต่ปัญหาของเราคือกฎที่ออกว่า ใครจะซื้อต้องผ่านหน่วยงานรัฐ ตนไม่มั่นใจเรื่องกฎหมาย แต่คิดว่าถ้าสามารถออกกฎที่แก้ได้ จะมีบริษัท หรือโรงพยาบาลมากมาย หรือแม้แต่หน่วยงานใด ๆ ที่จะยินดีติดต่อเอง และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราเสียเวลามามากเกินไปแล้วกับคำว่ารอ วัคซีนที่มาตรฐาน ตนติดว่าควรเปิดโอกาสให้องค์กรต่าง ๆ นำเข้าวัคซีนเอง เพราะมีมากดีกว่ามีไม่พอ
ล่าสุดวันที่ 13 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ นพ.สิทธิพงศ์ กล่าวว่า ปกติครอบครัวของตนจะมีด้วยกัน 9 คน แต่ตนแยกออกมาอยู่ข้างนอก ทำให้บ้านหลังที่ผู้เสียชีวิตอยู่ มีจำนวน 8 คน ประกอบไปด้วย คุณพ่อ อายุ 78 ปี, คุณแม่ อายุ 78 ปี, พี่แอ้ม (ผู้เสียชีวิต) อายุ 50 ปี, พี่เขย (สามีพี่เเอ้ม) อายุ 49 ปี, หลานชาย อายุ 12 ปี, หลานสาว อายุ 10 ปี (ลูกของพี่แอ้ม ), พี่สาวคนรอง อายุ 48 ปี และแม่บ้าน อายุ 60 ปี
โดยจากทั้งหมด 8 คน ในช่วงวันที่ 20 ก.ค.64 ที่ผ่านมา พบว่าแต่ละคนเริ่มมีอาการผิดปกติพร้อม ๆ กัน จึงได้ตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7 คน ยกเว้นพี่สาวคนรองที่ตรวจพบเชื้อไปก่อนหน้านี้ ก่อนวันที่ 25 ก.ค.64 คุณแม่จะเริ่มมีอาการทรุดหนัก และเสียชีวิตต่อมาในวันเดียวกัน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ก.ค.64 คุณพ่อก็เริ่มมีอาการทรุดหนัก เนื่องจากโรคประจำตัวหลาย ๆ โรค ทำให้โควิด-19 เล่นงานนำไปสู่การเสียชีวิต
ในส่วนของคนอื่น ๆ ก็ยังคงรักษาตัวกันต่อ กระทั่งพี่เขยและลูกทั้ง 2 คน รวมถึงแม่บ้านก็หายดีและกลับบ้านได้ในวันที่ 2 ส.ค.64 ขณะที่หมอแอ้ม อาการก็ยังปกติ แต่ต้องใช้เครื่องออกซิเจน เนื่องจากภาวะโรคเบาหวานแทรกซ้อน ทำให้หายช้ากว่าคนอื่น ๆ ต่อมาในวันที่ 2 ส.ค.64 หลังจากที่ทุกคนหายดี หมอแอ้ม จึงตัดสินใจย้ายมารักษาตัวต่อที่ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช อาการก็ยังคงปกติ จนถึงวันที่ 8 ส.ค.64 แพทย์ตรวจหาเชื้ออีกครั้ง พบว่าผลออกมาเป็นลบไม่พบเชื้อโควิด-19 ทีมแพทย์จึงเตรียมที่จะให้กลับบ้านได้ แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ตรงกับวันที่ 11 ส.ค.64 ในช่วงเช้าหมอแอ้ม ก็เริ่มทรุดหนัก ก่อนจะเสียชีวิตในช่วงเวลา 22.00 น.
"ญาติ ๆ ทำใจไม่ได้กับการจากไป เพราะหากนับผู้ที่สูญเสียในครอบครัว ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และหมอแอ้ม ต่างได้รับวัคซีนโควิด-19 กันแล้ว พี่หมอแอ้มได้รับวัคซีนซิโนแวคทั้ง 2 เข็มในช่วงเดือนต้นเดือนมิ.ย.64 ขณะที่คุณแม่และคุณพ่อ ได้รับวัคซีนแอสตราเข็มแรก ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.64 สุดท้ายทุกคนก็ไม่รอด แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ที่หน้าเศร้าใจไปกว่านั้น ช่วงที่พี่สาวพักรักษาตัว พี่หมอเองก็ยังไม่ทราบว่าคุณพ่อได้เสียชีวิตแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าพ่อจากไปแล้ว" น้องชาย หมอแอ้ม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ตนออกมาโพสต์และเรียกร้องผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ตนไม่ได้ตัดพ้อหรือพาดพิงต่อว่าใคร แค่อยากจะพูดในฐานะครอบครัวผู้สูญเสียว่าเราพอจะมีทางไหน ที่สามารถนำวัคซีนที่สามารถต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 ที่ดีและมีประสิทธิภาพกว่าปัจจุบันนี้ และจะมีองค์กรไหนที่นอกเหนือจากภาครัฐ สามารถนำเข้าวัคซีนได้ โดยที่ไม่ติดขัดในมุมของกฎหมาย ตนไม่ได้บอกว่าจะต้องเป็นเอกชนอย่างเดียว อาจจะเป็นในส่วนของ กทม. ก็ได้ ซึ่งตนอยากแนะให้มีช่องทางในการจัดซื้อมากกว่านี้ เพราะตนเชื่อว่าหากทำได้จริงจะเป็นหนึ่งในการลดความสูญเสียได้
"สิ่งที่ผมมองในฐานะคนสูญเสีย ไม่ใช่มองในฐานะแพทย์ด้วยกัน ตอนนี้เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เราได้วัคซีนเยอะ และเป็นวัคซีนที่ต้องมีประสิทธิภาพที่มีการยอมรับจากหลาย ๆ หน่วยงาน ลองทบทวนและแก้ในมุมนี้ก่อนจะดีไหม ผมหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชนรอด" นพ.สิทธิพงศ์ เผยให้ฟัง
ในช่วงเย็นของวันนี้ (13 ส.ค.64) ทางครอบครัวได้นำร่างของ หมอแอ้ม เคลื่อนมายังบริเวณศาลา 7 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน เพื่อจัดพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมศพ โดยครอบครัว ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้าที่ "หมอแอ้ม" จะเสียชีวิตนั้น ผลตรวจออกมาพบว่าผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่ที่เสียชีวิตมาจากหัวใจล้มเหลว ปอดไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งเป็นผลพวงจากการติดเชื้อโควิด-19 ทางทีมแพทย์ จึงให้สามารถนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ตามปกติ
เวลาประมาณ 16.00 น. ครอบครัวได้เปิดโอกาสให้ญาติ คนสนิท ตลอดจนแขกที่มาร่วมงาน ได้ทยอยเดินทางเข้ารดน้ำศพ ก่อนที่จะนำร่างบรรจุลงหีบศพตามขั้นตอน โดยที่น้องสาวของหมอแอ้ม ร้องไห้ระหว่างเดินทางมาร่วมพิธี ขณะที่สามียืนมองรูปภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยอาการโศกเศร้า เช่นเดียวกับลูก ๆ ทั้ง 2 คนของหมอแอ้ม ที่เดินทางมาร่วมส่งแม่ด้วย
ทั้งนี้ทางสามีและญาติของผู้เสียชีวิต ไม่สะดวกที่จะสัมภาษณ์ และไม่อนุญาตให้เก็บภาพในช่วงพิธี แต่สามารถเก็บภาพบรรยากาศด้านนอกได้ ขณะที่ช่วงรดน้ำศพ ญาติได้ขอความร่วมมือว่าขอให้เป็นเรื่องในครอบครัวและขอความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความอาลัยต่อการสูญเสียของ "หมอแอ้ม" รวมถึงแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียบิดาและมารดาของหมอแอ้มด้วยโรคโควิด-19 ในคราวไล่เลี่ยกัน จึงได้สั่งให้กองทัพอากาศ ช่วยเหลือดูแลครอบครัวของหมอแอ้มอย่างเต็มกำลัง
Advertisement