จากกรณี ด.ญ.แป้ง อายุ 9 ปี ถูกนายอนุวัฒน์ ผลจะโปะ ก่อเหตุกระทำชำเรา ฆ่าทิ้งร่างไว้ที่ป่าหลังบ้าน ในพื้นที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จนกระทั่งมีคนมาพบเห็น ซึ่งนายอนุวัฒน์เคยก่อเหตุกระทำชำเราเด็กมาแล้วหลายราย และพ้นโทษมาไม่กี่เดือนก่อนมาก่อเหตุซ้ำ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แฉคดีเก่า "ไอ้แหบ" ตุ๋ยเด็กชาย ญาติเดือดฉุดลูกเข้าป่าติดคุก 5 ปีไม่สำนึกฆ่าอีกศพ (คลิป)
- เปิดกระท่อมจุดไอ้แหบซ่อนตัวหลังฆ่าเด็ก สุดโหดบีบคอสลบก่อนอนาจาร แม่เหยื่อจี้ประหาร (คลิป)
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร พบว่านายอนุวัฒน์ ผลจะโปะ อายุ 25 ปี เคยก่อเหตุเมื่อปี 2553 ที่ สภ.นาทม จ.นครพนม ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็ก ในปี 2558 พบว่ามีการกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 15 ปี และเด็กชาย อายุ 10 ปี เหตุเกิดที่ สภ.ปักธงชัย ล่าสุดมาก่อเหตุฆ่าและข่มขืนเด็กหญิงอายุ 8 ปี ในพื้นที่ สภ.ปักธงชัย และล่าสุดพบว่ามีเด็กผู้เสียหายอีกรายก่อนหน้านี้ด้วย
วันที่ 12 ก.พ. 64 นางอุไร (นามสมมติ) แม่ของ ผู้เสียหายรายที่ 1 ที่ถูกนายแหบกระทำ เปิดใจว่า เหตุการณ์ลูกชายตนเกิดขึ้นราว 5-6 ปีก่อน ตอนนั้นลูกชายอายุราว 11-12 ปี ตนเองมาทราบเหตุหลังจากเกิดเหตุไปแล้ว 1 สัปดาห์ เพราะลูกชายไม่เล่าให้ตนฟัง ตอนนั้นชาวบ้านลือกันในชุมชนว่าลูกชายตนถูกกระทำโดยนายแหบ ทำให้ตนเองตัดสินใจมาถามลูกชาย
เมื่อตนถามลูกชายจึงยอมเล่าให้ตนเองฟัง ลูกชายตนถูกนายแหบชักชวนไปหาปลา ที่คลองห่างจากหมู่บ้านไป 200 เมตร โดยเดินเท้าไป จากนั้นนายแหบเอามีดทำครัวจี้คอลูกชาย และบังคับกระทำชำเราจนสำเร็จ ซึ่งลูกชายกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ตอนนั้นตนเองตัดสินใจไปแจ้งความ แต่ตำรวจให้ไปตรวจร่างกาย ตนเองติดว่าลูกชายถูกกระทำมา 1 สัปดาห์แล้ว น่าจะไม่เหลือหลักฐานแล้ว ตนเองจึงตัดสินใจไม่ดำเนินคดีต่อ อีกอย่างครอบครัวนายแหบก็มาขอโทษแล้ว ตนเองคิดว่าเอาเรื่องไม่ได้ จึงคิดว่าจะไม่เอาความ อีกทั้งเรื่องเพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก คิดว่าคงไม่มีเหตุอีก ลูกชายปกติเป็นคนไม่พูด ไม่เล่า ลูกชายยังใช้ชีวิตปกติ ครอบครัวก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก
หลังเกิดเรื่องลูกชายจน ก็มาเกิดเรื่องอีก แต่กระทำไม่สำเร็จ ตอนนั้นนายแหบพยายามอุ้มเด็กผู้หญิงไปแต่มีคนเห็น ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน ก่อนจะมาเกิดเรื่องกับเด็กชายอีกรายในหมู่บ้าน และมาเกิดกับน้องแป้งเป็นคนที่ 4 ตนเองอยากให้ประหาร เพราะเขื่อว่าหากพ้นโทษออกมากลับมาก็จะมาก่อเหตุซ้ำ พฤติกรรมนี้กลายเป็นสันดานแล้ว ออกมาก็คงทำเหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปอยู่ชุมชนไหนก็คงไปก่อเหตุที่ชุมชนนั้น
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานหลักสูตร อาชญาวิทยาฯ และการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์พฤติกรรมของนายแหบว่าทำไมถึงกระทำกับเด็กซ้ำถึง 3 ราย โดยวิเคราะห์จาก 2 ปัจจัย
1. สภาพจิตใจ บุคลิก ความรู้สึกนึกคิด ในวัยเด็ก เป็นผลมาจากครอบครัว เพราะครอบครัวมีการส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ จากวัยเด็กที่ต้องได้รับการขัดเกลาทางสังคม จะรู้จักผิดชอบชั่วดี หากครอบครัวแตกแยกขาดความอบอุ่น เด็กก็จะเติบโตมาด้วยสภาพจิตใจที่ขาดการขัดเกลา ขาดจิตสำนึก ขาดความรู้จักผิดชอบชอบชั่วดี ขาดความรักความอบอุ่น
2. สภาพแวดล้อม ที่เอื้อให้คนร้ายก่อเหตุกับเด็ก มองว่าสภาพแวดล้อมขณะนั้น เด็กอยู่เพียงลำพัง เด็กผู้หญิงไม่มีทางสู้ ผู้ต้องหาสบโอกาสกระทำกับเหยื่อ เพราะด้วยผลจากสภาพจิตใจ ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี จึงก่อเหตุ ทั้งนี้ หลักความเสี่ยงที่เกิดของอาชญากรรม เข้าตามหลักทฤษฎีสามเหลี่ยม มี 3 องค์ประกอบ คือ คนร้าย, เหยื่อ, โอกาส จากเหตุการณ์นี้คือ เด็กอยู่ลำพัง เป็นผู้หญิง และไม่มีทางสู้
ส่วนผู้ต้องหากระทำกับเด็ก เลือกเด็กเป็นเหยื่อแบบไม่เลือกเพศนั้น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ วิเคราะห์ว่า สะท้อนให้เห็นภูมิหลังในวัยเด็กของผู้ต้องหาว่าเติบโตมาอย่างไร ต้องย้อนไปดูความเป็นอยู่ในวัยเด็กของผู้ต้องหา ว่าขาดการขัดเกลาทาสังคมหรือไม่ ส่วนเหตุที่เลือกเด็ก เพราะเด็ก สตรี คนชรา และบุคคลสติไม่สมประกอบ ถือเป็นผู้ที่ไม่มีทางสู้ รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยความรู้สึกนึกคิดผิดชอบชั่วดีนั้นไม่มีเลย ขาดการขัดเกลาทางสังคม
ส่วนที่ผู้ต้องหากระทำทางทวารหนักกับเด็ก แบบไม่เลือกเพศด้วยนั้น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ วิเคราะห์ว่า ต้องย้อนไปดูในวัยเด็ก ว่าเขาเคยถูกกระทำทางทวารหนักหรือไม่ เพราะจากผลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เด็กจำนวนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในสถานพินิจ ถูกกระทำทางทวารหนัก ฉะนั้นเมื่อวัยเด็กถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน ก็ทำให้พฤติกรรมของคนนั้น เมื่อเติบโตมาความเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ จึงมาก่อเหตุกับเหยื่อได้
ส่วนที่จะป่วยเป็นจิตเวช หรือไม่ ต้องให้จิตแพทย์ เป็นผู้วิเคราะห์ร่วมด้วย เพราะเท่าที่ดูจากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพขอผู้ต้องหา จากในสื่อนั้นเห็นแววตาผู้ต้องหาแล้ว จะเห็นว่าตาแข็ง ไม่รับรู้ถึงความรู้สึก บ่งบอกได้ว่าผ่านการถูกกระทำใช้ความรุนแรงมาก่อน เป็นคนไม่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ได้มีเจตนาสื่อว่าพลาดพลั้ง แต่ทั้งนี้ต้องให้จิตแพทย์วิเคราะห์ร่วมด้วย
นายแมน (นามสมมติ) พ่อของน้องแป้ง เปิดเผยทั้งน้ำตาคลอว่า ตนเองมองว่านายแหบเป็นคนที่รู้จักกัน ทำไมก่อนทำไม่คิด ตนเคยพานายแหบไปทำงานก่อสร้างรับจ้างเมื่อราว 10 ปีก่อน เห็นนายแหบว่าง ๆ อยากทำงาน จึงชักชวนไปทำงานด้วย ได้ค่าแรกวันละ 150-200 บาท ตอนนั้นนายแหบเป็นเด็กดี ใช้ง่าย ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ จนช่วงอายุ 17-18 ปีถึงมาก่อเหตุ ซึ่งตนไม่เคยรู้มาก่อนที่เขาจะก่อเหตุว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ ที่ตนน้ำตาคลอเพราะตนคิดถึงลูกสาว คิดว่าทำไมนายแหบไม่คิดให้ได้ก่อนจะมาเกิดเหตุ เพราะวันนี้ลูกสาวไม่มีทางกลับมาได้แล้ว
ทั้งนี้ นายแหบเป็นคนชอบเดินไปมา มักเดินผ่านบ้านตนและทักทายอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมาก่อเหตุ นายแหบเริ่มก้าวร้าวขึ้นหลังจากเรียนไม่จบ เพราะเริ่มเข้าวัยรุ่น ตนได้ยินคำสารภาพของผู้ต้องหา อยากถามว่าทำไมถึงไม่ยอมพูดว่าฆ่าน้องทำไม แต่ตนไม่ติดใจอะไรแล้ว ตนเองเห็นแหบสารภาพก็ไม่คาใจ ตอนนี้ตนยังนอนไม่หลับ ยังคิดถึงลูกสาว และขอให้ลูกสาวไปดี ไปในที่งดงาม ไปสบาย
Advertisement