Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดใจโจ๋ทมิฬทืบ “แบงค์” เผยท่าเต้นกากบาทเป็นเหตุ มือยกเก้าอี้ฟาดปัดผสมโรง (คลิป)

เปิดใจโจ๋ทมิฬทืบ “แบงค์” เผยท่าเต้นกากบาทเป็นเหตุ มือยกเก้าอี้ฟาดปัดผสมโรง (คลิป)

29 ธ.ค. 63
20:50 น.
แชร์

กรณีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 4-5 คน ร่วมกันรุมทำร้ายร่างกาย นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 23 ปี หนุ่มนักเต้นหน้าตาดี ด้วยการกระทืบเตะต่อย ใช้ขวดตีหัว และเก้าอี้ฟาดซ้ำหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้กะโหลกศีรษะร้าว ขณะไปนั่งดื่มกับพี่ชายที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา

101

กระทั่งวันที่ 28 ธ.ค.63 พนักงานสอบสวนสภ.ละหานทราย ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ได้แก่ นายวิกรม หรือกล้า, นายอนุชา หรือ ตาล, นายมอส และนายโจ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีข้อมูลว่า นายมอส เป็นพี่ชายของนายกล้า ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายโจ และเป็นญาติห่าง ๆ กับนายตาล

186752

ล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง รพ.บุรีรัมย์ ได้พูดคุยกับ น.ส.กาญจนา ภูวนผา อายุ 40 ปี แม่นายนพรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้อาการของลูกชายเริ่มดีขึ้น สมองที่ตอนแรกมีเลือดซึมออกมาเพราะกะโหลกร้าว แพทย์ระบุว่าลิ่มเลือดเริ่มสลายออกไปบางส่วน ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว ส่วนตายังบวมอยู่ทำให้ม่านตายังไม่ค่อยรับแสง ซึ่งต้องใช้เวลา นอกจากนี้ยังต้องดูการเคลื่อนไหวของร่างกายว่า จะกลับมาเป็นปกติหรือไม่ จึงยังต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาล

27

โดยนายนพรัตน์ สามารถพูดคุยได้แล้ว แต่พูดแบบช้า ๆ ส่วนสภาพจิตใจตนคิดว่าลูกชายคิดมาก แม้จะไม่ได้แสดงออก เพราะห่วงงานที่ถูกยกเลิกยาวข้ามปี เนื่องจากลูกชายหาเงินเลี้ยงตัวเองมีภาระทั้งค่าห้อง และค่าผ่อนรถทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งเมื่อไม่มีงานรายได้ก็หายไปทั้งหมด

นอกจากเรื่องเงิน ลูกชายเป็นคนรักในการเต้นมาก ซึ่งก็อาจจะคิดมากที่ยังไม่สามารถกลับไปเต้นได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะจากการสอบถามหมอ ระบุว่า ต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว เพราะการเต้นต้องใช้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งตนคิดว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี

412504

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 4 รายนั้น ตนยังไม่เบาใจ เพราะทราบข่าวว่าผู้ต้องหาหนีออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ทำให้ยังจับตัวมาลงโทษไม่ได้ นอกจากนี้ก็ห่วงพยานทุกคนที่เข้ามาช่วยในคดี ว่าจะไม่ปลอดภัย และไม่กล้าเข้ามาช่วยอีก ทั้งนี้ยืนยันว่าจะเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด หากเจอหน้าก็จะถามว่าทำลูกชายตนเพื่ออะไร ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุอาจต้องการประกาศศักดานั้น ตนคิดว่าน่าจะประกาศศักดาในเรื่องที่ดี ๆ มากกว่า ไม่ใช่มาทำแบบนี้ ยอมรับว่าตอนนี้ไม่อยากดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะรับไม่ได้ สงสารลูกชาย บางครั้งลูกก็ยังนอนผวา คิดว่าลูกน่าจะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในเวลา 18.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธรละหานทราย เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบด้วยนายมอส นายกล้า นายตาล และนายโจ มาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน

509463

โดยนางดวงพร คงประโคน แม่ของนายมอสและนายกล้า กล่าวว่า ลูกชายติดต่อมาบอกว่าจะมอบตัว โดยตนไม่รู้ว่าลูกหนีไปไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คุยรายละเอียด ลูกชายบอกว่าจะคุยกับตำรวจเอง ที่ผ่านมาลูกชายทั้ง 2 คนไม่ได้มีนิสัยอันธพาล โดยนายกล้าเป็นคนมีเหตุผล แต่ตนไม่ค่อยได้คลุกคลีกับลูก เพราะส่วนใหญ่ทำงานอยู่ จ.ชลบุรี

846930

ขณะนี้โลกโซเชียลฯ ลงข่าวเกินความเป็นจริง วอนให้โอกาสลูกได้พูดและอธิบาย เชื่อว่าลูกน่าจะมีเหตุผล ไม่ใช่การประกาศศักดา
ส่วนที่มีภาพว่าลูกตนใช้เก้าอี้ฟาด จนนายแบงค์สลบไปนั้น ตนคิดว่าเป็นอารมณ์ของวัยรุ่น เพราะลูกตนเมาด้วย อาจจะขาดสติและความยั้งคิด ทั้งนี้ก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และภาวนาให้นายแบงค์หายโดยเร็ว

จากการสอบถามชุดสืบสวน ระบุว่า นายมอส นายกล้า และนายโจ ได้หลบหนีไปที่ อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ส่วนนายตาล หลบอยู่ในสวนยางใกล้บ้าน

98

ขณะนี้อยู่ระหว่างทำบันทึกการรับมอบตัวในห้องสืบสวน หลังจากนั้นจะเข้าสู่มาตรการควบคุมโรค เนื่องจากผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ นายมอส นายกล้า และนายโจ มาจากต่างจังหวัด โดยจะต้องแยกห้องขัง ก่อนที่วันที่ 28 ธ.ค.63 จะส่งตัวทั้ง 4 คนไปตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่โรงพยาบาล หากผลเป็นลบก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายต่อไปได้

7654

ทั้งนี้จากการสอบถามพนักงานสอบสวน ระบุว่า นายกล้า คือคนแรกที่ลุกไปคุยกับนายแบงค์ ผู้บาดเจ็บ จากนั้นนายมอส และนายโจ เข้าไปทำร้ายพร้อมกัน และนายตาลซึ่งเดินเข้ามาในร้าน ใช้เก้าอี้ทุ่มใส่นายแบงค์ ก่อนนายมอสจะทุ่มเก้าอี้ใส่อีกรอบในขณะที่นายแบงค์นอนอยู่ที่พื้นแล้ว นอกจากนี้นายมอส ยังเป็นคนพูดว่า มาจากหมู่บ้านสันติสุข

จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านหนองด่าน ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของนายอนุชา หรือตาล ผู้ต้องหาอีกราย ซึ่งพบว่าบ้านปิดเงียบ

580757

สอบถาม นางนุ้ย (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เล่าว่า วันที่ 23 ธ.ค.63 เป็นวันเกิดของตน ซึ่งตนก็ไปเลี้ยงฉลองที่ร้านเกิดเหตุ โดยมีเพื่อน ๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายรวม 9 คนไปพร้อมกัน หนึ่งในนั้นมีแม่ของนายตาลไปด้วย กลุ่มตนไปถึงร้านประมาณ 21.30 น.

22

จากนั้นเวลาประมาณ 22.30 น. เห็นนายตาลกับเพื่อนผู้ชายรวม 4 คน เข้ามาในร้าน แต่นั่งคนละโต๊ะกับกลุ่มตน หลังจากนั้นมีการร้องเพลงวันเกิดและเป่าเค้กกัน ซึ่งตนสังเกตว่ากลุ่มนายตาลก็ได้เป่าเค้กด้วย เพราะมีเพื่อนของนายตาลทราบภายหลังว่าชื่อกล้า เกิดวันเดียวกับตน

cg1

จนเวลาเกือบเที่ยงคืน ตนและเพื่อน ๆ ก็ได้เดินทางกลับบ้าน ก่อนกลับแม่นายตาล ไปคุยกับลูกชาย ทราบว่าอีกฝ่ายยังอยู่กับเพื่อนต่อ ไม่ยอมกลับ ตนยังพูดว่าให้ดูแลกันดี ๆ กระทั่งช่วงเช้าตนมาทราบข่าวว่ามีคนถูกทำร้ายในร้านที่ตนไปนั่งกิน ก็ตกใจมาก และได้สอบถามนายตาล เพราะเห็นว่ากลับหลัง แต่นายตาลอ้างว่าไม่ได้ทำ ตนก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร

26

ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุตนเห็นนายแบงค์ นั่งอยู่กับผู้ชายอีกคนที่โต๊ะด้านนอก โดยนั่งเงียบ ๆ ไม่ได้ลุกไปไหน ขณะนั้นมองว่าหน้าตาดี แต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้จัก นอกจากนี้หลังมีข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่เห็นนายตาลอีกเลย

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปริญญา ชินรัมย์ หรือ จ๊าบ อายุ 21 ปี เพื่อนผู้ต้องหา และเป็นผู้ที่มีกระแสข่าวว่าถูกออกหมายเรียกในช่วงแรก

892820

โดยนายจ๊าบ กล่าวว่า วันที่ 23 ธ.ค.62 ตนอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน จากนั้นก็มีข่าวออกาว่าตนเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งตนตกใจมาก รีบเข้าไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่พบพนักงานสอบสวน จึงเข้าไปใหม่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวน ระบุว่า ตนไม่ได้มีชื่อในหมายจับ เพราะไม่เกี่ยวข้อง จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

868615

ทั้งนี้จ๊าบยอมรับว่ารู้จักกับนายกล้า หนึ่งในผู้ต้องหา โดยรู้จักตั้งแต่ปี 2561 ช่วงที่อยู่ในคุก เนื่องจากตนถูกจับคดียาเสพติด ส่วนนายกล้าก็ถูกจับในคดีเดียวกัน จากนั้นตนเพิ่งออกจากคุกมาช่วงเดือน ส.ค.63 ที่ผ่านมา ยังได้เจอกับนายกล้าตามร้านเหล้าและงานวัด แต่ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกัน เพราะอยู่คนละกลุ่มกัน และตนก็ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านสันติสุข

ทั้งนี้ที่ผ่านมานายกล้าเป็นคนเงียบ ๆ ตนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นขาใหญ่ในสันติสุขหรือไม่ แต่ก็เป็นคนที่ค่อนข้างมีคนรู้จักและมีเพื่อนฝูงเยอะ โดยหลังมีข่าวออกมาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็แปลกใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนั้น

973960

เช่นเดียวกับนางสายฝน วงศ์หนูพะเนาว์ แม่นายจ๊าบ ที่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุลูกชายอยู่บ้าน กระทั่งมาเห็นหมายเรียกรู้สึกตกใจ เพราะลูกเป็นคนดี จึงอยากจะให้สังคมเห็นใจ ไม่รุมด่าลูกชายตัวเองซ้ำ เนื่องจากเป็นเพียงหมายเรียกและตำรวจสอบไม่พบไปยุ่งเกี่ยว แต่หากลูกชายทำจริงก็พร้อมจะให้รับโทษ

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังหมู่บ้านสันติสุข ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนายมอส นายกล้า และนายโจ อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบ้านของทั้ง 3 คนปิดเงียบ

958849

สอบถามนางรื่น (นามสมมติ) ยายของนายมอสและนายกล้า และเป็นย่าของนายโจ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่เจอหน้าหลานชายทั้ง 3 คนนานนับสัปดาห์แล้ว ที่ผ่านมาหลานไม่ได้มีพฤติกรรมทำตัวเป็นขาใหญ่ในหมู่บ้านตามที่มีข่าวออกมา

แต่ยอมรับว่านายมอสกับนายกล้า เคยติดคุกในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งนี้ก็อยากให้หลานเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพิสูจน์ความจริงว่าก่อเหตุจริงหรือไม่

19181716

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนสภ.ละหานทราย ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ได้แก่ นายวิกรม หรือกล้า, นายอนุชา หรือ ตาล, นายมอส และนายโจ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีข้อมูลว่า นายมอส เป็นพี่ชายของนายกล้า ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายโจ และเป็นญาติห่าง ๆ กับนายตาล

14

เมื่อทีมข่าวสรุปความรู้สึกของญาติผู้ต้องหา นางทิพย์ แม่ของนายอนุชา บอกว่า "ลูกชายปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุ ไม่ได้ร่วมทำร้าย"

15

นางดวงพร แม่ของนายวิกรม และนายวรพล บอกว่า "ไม่มั่นใจว่าลูกชายทั้ง 2 คน ก่อเหตุจริงหรือไม่" 

12

ขณะที่นางรื่น ยายของนายวิกรม และนายวรพล ย่าของนายสนธยา บอกว่า "ไม่รู้ว่าหลาน ๆ จะไปก่อเหตุจริงหรือไม่"

735692

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ นายกสิดิษ วงศ์สมุทร หรือ พีช อายุ 19 ปี เพื่อนร่วมห้องเรียน น้องแบงค์ เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในวงการเต้นมานานแล้ว และยังเป็นเพื่อนรวมห้องเรียนชั้นเดียวกันที่มหาวิทยาลัยหอการค้า คณะนิเทศศาสตร์ ปี 2 ปกติแล้วแบงค์เป็นคนที่นิสัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ก่อนหน้านี้เวลาที่ตนมีรายการแข่งประกวดเต้น ก็จะได้แบงค์มาคอยช่วยสอน-เสริมเทคนิคใหม่ ๆ ให้บ้าง เพราะว่าแบงค์เป็นคนเก่ง จดจำเทคนิคการเต้นได้ดี

ล่าสุดตนเพิ่งเจอแบงค์ เมื่อช่วงก่อนวันที่ 23 ธ.ค.63 ที่แบงค์จะกลับบ้าน ตนและแบงค์ ได้เดินทางไปนั่งกินปิ้งย่างกัน ก็ยังมีการพูดคุยกันปกติตามประสาเพื่อนสนิท ซึ่งแบงค์ก็ไม่ได้พูดเป็นลางอะไร เพียงแค่บอกว่าจะเดินทางกลับบ้านในวันที่ 23 ธ.ค.63 กระทั่งตนมาทราบข่าวก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะอีกไม่นานก็จะเปิดเทอม 2 แล้ว (เปิดเทอม 4 ม.ค.)

ส่วนตัวหลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและคิดว่าการกระทำของผู้ก่อเหตุทำเกินไป เนื่องจากตนเป็นเพื่อนแบงค์ จึงรู้จักนิสัยใจคอดีว่าแบงค์เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยหาเรื่อง ไม่ได้เป็นคนกร่างหรือเป็นคนที่จะมีปัญหากับใครได้ง่าย ๆ ก็ไม่น่าจะต้องมาถูกกระทำแบบนี้

ทั้งนี้ปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ทราบว่าคู่กรณีมีจุดประสงค์อะไร ทำไมถึงต้องลงมือทำร้ายกันถึงขั้นเจ็บสาหัสแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะแบงค์หน้าตาดี หรือเป็นบุคคลแปลกหน้าที่เข้าไปเที่ยวในถิ่นของคู่กรณี จึงเกิดความหมั่นไส้หรือไม่ตนก็ไม่ทราบ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าทำกันรุนแรงถึงขนาดนี้ เพราะตนมั่นใจว่าแบงค์ไม่มีทางจะไปหาเรื่องคู่กรณีก่อนเด็ดขาด

หลังจากแบงค์บาดเจ็บตอนนี้ ตนก็มีความเป็นห่วงเกรงว่าหากอาการดีขึ้น จะมีร่างกายที่ไม่พร้อม เกรงว่าจะไม่สามารถกลับมาเต้นได้เหมือนเดิม ก็เป็นห่วงอนาคตเพื่อน อย่างไรก็ตาม หากตนมีโอกาสได้พูดกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตนอย่าบอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำเพื่อจุดประสงค์ ไม่น่าทำแบบนี้เลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าตอนนี้แบงค์ ได้ฟังอยู่ตนอยากบอกแบงค์ ว่า "สู้ ๆ ขอให้หายไว ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนเป็นห่วง และกำลังส่งกำลังใจไปให้" พร้อมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายเอาผิดให้ถึงที่สุด เนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุดังกล่าวกับผู้อื่นซ้ำอีก

410412

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับทาง คุณวิทย์ เอเอฟ หรือนายพชรพล จั่นเที่ยง ศิลปินนักร้องที่เคยร่วมงานกับ "น้องแบงค์" ผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนอื่นเลยส่วนตัวเป็นคณะกรรมการในการตัดสินประกวดเต้นของโครงการ TO BE NUMBER ONE DANCERCISE มาตั้งแต่ปีที่ 2 ที่เริ่มแข่งขัน นับแล้วก็ประมาณ 16 ปี ซึ่งก็ได้เห็นน้องแบงค์ เข้ามาประกวดหลาย ๆ ครั้ง นับแล้วที่รู้จักก็ประมาณ 5 กว่าปี โดยอุปนิสัยของน้องเป็นคนหน้าตาดี และขยัน นิสัยดี ตลอดจนมีทักษะการเต้นที่โดดเด่นและเก่งมาก ส่วนตัวเคยมีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยน้องเองก็เข้ามาชื่นชมตน และตนก็ได้มีการแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาในเรื่องของการเต้น พร้อมแนะนำให้น้องไปฝึกร้องเพลง เชื่อหากทำได้หลายอย่างน้องคงไปได้ไกลถึงขั้นเป็นศิลปินก็ว่าได้

เมื่อทราบข่าวว่าน้องแบงค์ โดนทำร้ายร่างกายถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลจากทางไลน์กลุ่มของคณะกรรมการทูบีนัมเบอร์วัน ตลอดจนทางชิน ชินวุฒิ เองก็แจ้งรายละเอียดมาอีกรอบ ไม่คิดว่าเขาจะอาการหนักขนาดนี้ พอดูข่าวอีกทีส่วนตัวถึงขั้นสะเทือนใจมาก ๆ เพราะเด็กดี ๆ แบบนี้ไม่ควรจะมาเจออะไรแบบนี้ ในในลึก ๆ แอบโมโหแทน แต่ด้วยความที่เราโตและเป็นผู้ใหญ่แล้ว เลยโฟกัสไปที่น้องแบงค์มากกว่า ว่าน้องเขาจะเป็นอะไรไหม ส่วนเรื่องของคนร้ายขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

471291

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องแบงค์ ถือเป็นเคสตัวอย่างสะท้อนให้เหล่าศิลปิน หรือคนที่ทำงานกลางคืนได้เห็นว่า แม้เราจะไม่ได้เป็นคนหาเรื่องใครก่อน แต่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้ เลยอยากให้ทุกคนระมัดระวังตัว ส่วนตัวยังไม่ได้ส่งข้อความไปให้กำลังใจ เพราะไม่ได้มีไลน์ส่วนตัวของน้องเขา แต่จะเป็นการส่งกำลังใจผ่านกลุ่มไลน์ใหญ่เป็นหลัก ทั้งนี้ล่าสุดทางนุ้ย เกศริน ก็ได้มีไลน์มาอัปเดตอาการในกลุ่มใหญ่ โดยระบุว่าตอนนี้ น้องแบงค์รู้สึกตัวแล้ว พูดคุยได้ตามปกติ แต่ในส่วนกะโหลกที่ร้าวยังคงต้องติดตามอาการ แต่โชคดีที่หมอยังไม่ต้องถึงขั้นผ่ากะโหลก เพราะหากผ่ากะโหลกอาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิต

สุดท้ายนี้ตนอยากฝากบอกไปถึงกลุ่มคนร้ายว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกและความคิดของแต่ละคน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานของครอบครัว พื้นฐานของการเลี้ยงดูของพ่อแม่ พื้นฐานของการคบเพื่อน ซึ่งเรื่องดังกล่าวหากพูดจริง ๆ มันพูดยาก แต่อยากจะฝากว่าการที่คุณไปทำร้ายคนอื่น ด้วยความที่ไม่พอใจส่วนตัวหรือไม่ชอบหน้าเขา แบบนี้ไม่ควรทำเพราะถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ยิ่งเป็นการรุมกระทืบด้วย แบบนี้ยิ่งไม่เหมาะสม หากใช้ภาษาบ้าน ๆ เขาเรียกว่า "หมาหมู่" เชื่อเวรกรรมมีจริง

ทั้งนี้หากอนาคตทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวมาได้แล้ว ขอให้กลุ่มคนร้ายดังกล่าวรับสารภาพ พร้อมยอมรับผิดไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หากมีโอกาสก็อยากให้พวกเขาเข้าไปขอโทษ "น้องแบงค์" และครอบครัวเขาด้วย พร้อมกับให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ อย่าไปทำกับใครอีก เพราะการกระทำดังกล่าวมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย

412011

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับหนึ่งในศิลปินที่เคยร่วมงานกับ “น้องแบงค์” มาเกือบ 1 ปีเต็มอย่าง “ดิว อรุณพงศ์” หรือ “ดิว เดอะสตาร์” ซึ่งเจ้าตัวยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่มีคนโทรมาขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับ “น้องแบงค์” ตนก็งง ๆ ว่าน้องแบงค์ไหน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับน้อง แต่เมื่อได้เข้าไปหาอ่านตามข่าวก็รู้สึกตกใจหนักมากที่คนใกล้ตัวต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถึงขั้นที่ต้องโทรไปสอบถามกับคนใกล้ตัวของน้อง เพื่อความมั่นใจอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

หลังจากนั้นเมื่อตนรู้เรื่องราวความจริงก็เข้าไปดูในอินสตาแกรมน้อง และได้ส่งข้อความไปบอกว่า “สู้ ๆ นะน้องขอให้ปลอดภัย หายไว ๆ ส่งกำลังใจให้เต็มที่ ฟาดเคราะห์นะน้องนะ รีบออกมาเด้อ” ซึ่งน้องก็ตอบกลับมาว่า “ขอบคุณนะครับพี่ ได้เลยครับ”

พร้อมกันนี้ “คุณดิว” เล่าให้ฟังว่า ตนรู้จักกับน้องในช่วงที่น้องมาเป็นวิทยากรสอนเต้นกับโครงการ To be number one ครั้งแรกที่เจอด้วยมองจากใบหน้าแล้ว ก็แอบทำให้คิดว่าน้องดูหยิ่ง ๆ แต่เมื่อได้ทำงานด้วยกันก็รู้เลยว่า “น้องแบงค์” เป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี พูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันบ่อย

ที่สำคัญคือ “น้องแบงค์” เป็นคนขี้สงสัย มักจะถามไถ่ถึงหนทางการเป็นศิลปินกับ “คุณดิว” เป็นประจำ หรือไม่ก็ขอให้สอนเขาร้องเพลง สอนให้เขาแต่งเพลง ถามเรื่องกระบวนการทำเพลง ต้องใช้งบประมาณเท่าไร หรือจะเป็นขอคำแนะนำเรื่องเวทีประกวด เพราะน้องเคยบ่นเปรย ๆ กับตนว่าอยากเป็นศิลปิน จึงพยายามพัฒนาตัวเองในทุกๆด้านอยู่ตลอดเวลา ทั้งร้องและเต้นเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว

แย่างไรก็ตาม ตนก็อยากฝากบอกกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้าย “น้องแบงค์” ว่า เวลาเราทำใครเจ็บสักคน ไม่ว่าจะเดินชนหรือทำให้เลือดออก ฟกช้ำดำเขียว เรายังรู้สึกไม่สบายใจเลย จึงอยากให้กลุ่มวัยรุ่นนั้นรู้สึกว่าการทำคนหนึ่งเจ็บ มันไม่ส่งผลดีต่อใคร แถมยังส่งผลพวงในอนาคตให้คนอื่นมองว่าตัวเอง เป็นคนชอบใช้ความรุนแรง ดังนั้นไม่ควรมีใครเจ็บด้วยสาเหตุแบบนี้

445566

ล่าสุด 20.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายออกมาจากห้องสืบสวน โดยนายกล้า หนึ่งในผู้ต้องหายอมรับว่าทำไปเพราะเมา และขอโทษคนเจ็บกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเข้าไปคุมตัวในห้องขัง ก่อนนำตัวไปตรวจโควิด-19 ในวันที่ 30 ธ.ค.63 และทำการสอบสวนต่อไป

Advertisement

แชร์
เปิดใจโจ๋ทมิฬทืบ “แบงค์” เผยท่าเต้นกากบาทเป็นเหตุ มือยกเก้าอี้ฟาดปัดผสมโรง (คลิป)