แฉนักแคสต์เกมดังซ้อมแฟนเก่าน่วม - ถีบกลิ้งตกบันได คาดฉุนโดนตามตื๊อปล่อยรูปคู่ (คลิป)
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความว่า “อันนี้เพื่อนกูเองแหละ โดนแฟนเก่ากระทืบ แฟนเก่าเป็นนักแคสเกมยอด SUB 229k คือเล่าคราว ๆ ว่า ก็เหมือนอารมณ์มันเลิกกับแฟน สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากการข่มขู่ทำร้ายร่างกาย มันก็เลยเลิก เก็บข้าวของออกจากบ้านเป็นอันว่าน่าจะจบ แต่ผู้หญิงมันก็รักของมันแหละ กูเข้าใจ กูก็เคยเป็น แบกสาระร่างไปหาเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ที เพื่อให้ตัวเองยังรู้สึกว่ายังมีใครอยู่ข้าง ๆ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
และเล่าเรื่องราวต่ออีกว่า "หลังจากผ่านความพยายามทั้งหมด เพื่อนเราก็กลับไปหาเขา อ้าแขนรับแหละ ทีนี้มันก็คงดีใจแหละเลยลงสตอรี่ พอเช้าวันต่อมา ไอ้__นี่ของขึ้น...กระทืบเลย”
ล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ เทศบาลบางปู เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เพื่อพูดคุยกับ น.ส.อุ้ม (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 22.00 น. ตนเครียดเรื่องงาน ทำให้รู้สึกเหงา และคิดถึงแฟนเก่า เลยส่งข้อความไปหานายแว่น (นามสมมติ) แฟนเก่าของตนว่า อยากเจอและขอเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายกล่าวปฏิเสธ และห้ามไม่ให้ตนเข้าไป แต่ตนอยู่ในระหว่างทางที่จะขับรถไปบ้านของแฟนเก่า ตนจึงไม่ได้สนใจคำห้ามดังกล่าว
เมื่อตนเดินทางไปถึงบ้านของแฟนเก่า ตนก็เดินเข้าบ้านตามปกติ เพราะแต่ก่อนก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอด เมื่อแฟนเก่าเห็นตนก็ทำหน้าตึง ๆ แต่ไม่ได้ไล่ออกไป และทำทีสนใจแต่สุนัขที่เลี้ยงไว้ด้วยกัน ซึ่งสุนัขส่งเสียงดัง เพราะเห็นตนแล้วดีใจ จากนั้นแฟนเก่าก็แยกเข้าไปอยู่ในห้องสตรีมเกม ส่วนตนก็เดินเข้าไปรออยู่ในห้องนอนที่ชั้นสองของบ้าน
กระทั่งแฟนเก่าของตนสตรีมเกมเสร็จ และได้ส่งข้อความมาบอกให้ตนกลับบ้าน แต่ตนไม่ยอม และพยายามง้อผ่านข้อความ ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงนั่งส่งข้อความหากัน และบอกว่า ขออยู่ต่ออีกคืนเดียว เพราะรู้สึกเครียด และคิดถึง จากนั้นก็จะไปแล้ว แต่อีกฝ่ายยังขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย และพูดทำนองว่า ถ้ายังไม่ไป อีก 15 นาทีจะทำร้าย และมีการนับถอยหลัง ทำให้ตนสงสัยว่า ทำไมถึงคุยแบบคนปกติไม่ได้ ตนจึงยอมออกจากห้อง
กระทั่งตนออกมาจากห้องนอน พบว่าแฟนเก่ายืนถือคัตเตอร์รออยู่หน้าห้องนอน ตนจึงร้องไห้ แล้วเดินเข้าไปกอดแฟนเก่า ทำใหัอีกฝ่ายใจอ่อน จากนั้นก็มานั่งเล่นกับสุนัขที่เลี้ยงด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นแฟนเก่าก็ยังทำหน้านิ่ง ๆ อยู่ แต่ตนดีใจที่ได้กลับมาหาแฟน ขณะที่แฟนเก่านอนหนุนตัก ตนเลยนั่งลูบหัว แล้วถ่ายวิดีโอลงในอินสตาแกรม หลังจากนั้นตนก็ขึ้นไปนอนกับแฟนเก่า และกอดกันตามปกติ และตื่นมาอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ธ.ค.63 เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่คบหากัน ตนเลยชวนแฟนเก่าว่า ไปกินข้าวด้วยกัน แต่แฟนเก่ายังไล่ตนอยู่ ตนจึงค่อย ๆ เก็บของเพื่อพยายามง้อ
แต่ระหว่างที่ตนเก็บของ อีกฝ่ายได้เดินเข้าห้องไป แล้วคงจะไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นได้วิ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายตนทันที ขณะที่ตนถูกทำร้ายร่างกายได้พูดว่า “โพสต์ทำไม มึงลงทำไม” แฟนเก่าของตนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทำร้าย ตนเลยพยายามเอามือป้องกันใบหน้า แต่แฟนเก่ายังหยิบไม้ตียุงมาฟาดใส่ตนจนเกือบหัก และถีบตนลงจากบันได อีกทั้งต่อยจนตนเดินไปถึงด้านล่างแล้ว ก็ทำร้ายต่ออีก แต่ไม่ได้ตามออกไปข้างนอกบ้าน
หลังจากที่ตนหนีออกมาได้ แฟนเก่าได้ส่งข้อความมาหา แต่ไม่ได้ขอโทษ และพิมพ์มาด่าว่าอย่ายุ่ง และบอกว่าตนป่วย (จิต) สาเหตุที่ทำร้ายตนเชื่อว่า คงจะรำคาญ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตนเชื่อว่า อีกฝ่ายน่าจะโกรธเรื่องที่ตนถ่ายรูปลงโซเชียลฯ และคนที่อีกฝ่ายกำลังคุยด้วยอยู่ อาจจะส่งรูปที่ตนลงในโซเชียลมาให้ ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจตน
ทั้งนี้ตนกับแฟนเก่า เลิกกันเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นตนส่งข้อความไปหาแฟนเก่าทำนองว่า กดไลก์ให้ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วนะ ทำให้อีกฝ่ายโกรธ ตนเลยง้อ แต่แฟนเก่าได้ไล่ตนออกจากบ้าน และบอกว่า "มึงเป็นอากาศธาติ ถ้าไม่ไป กูจะต่อยมึง กูจะเอาคัตเตอร์ กีดหน้ามึง” ตนเลยต้องจำยอมเลิก และออกจากบ้านไป
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่า รู้สึกโกรธ แต่ไม่แน่ใจว่า รู้สึกโกรธ หรือรู้สึกเสียใจมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะพูดคุยกับแฟนเก่าเป็นครั้งสุดท้ายที่โรงพัก และอยากให้คู่กรณีกล่าวขอโทษพ่อของตน เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปีที่ไล่ตนออกจากบ้าน พ่อของตนต้องลำบากมารับ และลำบากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกฝ่ายสัญญาว่าจะกล่าวขอโทษพ่อของตน แต่ไม่เคยทำ สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกกับแฟนเก่าว่า “อย่าไปทำแบบนี้กับใคร อย่าไปดูถูกใครแบบนี้อีก”
ทีมข่าวได้ติดต่อ นายแว่น (นามสมมติ) แฟนเก่าของผู้เสียหาย ผ่านผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งทางต้นสังกัดแจ้งว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจของนายแว่น เพราะตอนนี้สภาพจิตใจยังไม่พร้อม เบื้องต้นทางต้นสังกัดได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ต้นสังกัดจึงไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้อีกฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์
Advertisement
