หมอหมูชี้บาดแผล ชาวเขมรไม่ตรงข้อกล่าวหา เหมือนถูกกรีดนำกระสุนมาวาง
หมอหมู ชี้บาดแผลชาวกัมพูชา ไม่ตรงข้อกล่าวหา ลั่นไม่ใช่ถูกยิงจากด้านหลัง แถมไม่เข้าข่ายอาวุธสงครามM16 พบร่องรอยคล้ายกรีด ก่อนนำกระสุนมาวาง
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพบาดแผลของประชาชนชาวกัมพูชา อ้างว่า เป็นร่องรอยกระสุนปืนจากทหารไทย ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ หลังเพจชื่อดัง Drama-addict ออกมาตรวจสอบและตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะบาดแผลไม่สอดคล้องกับอานุภาพของกระสุนจริง พร้อมชี้ว่า แผลที่เห็นมีความเรียบร้อยผิดปกติ เมื่อเทียบกับความเสียหายที่กระสุนขนาด 7.62 มม. นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดวันที่ 15 พ.ย. 68 รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ระบุว่า จากข้อมูลที่มีการอ้างว่า ชาวกัมพูชาวิ่งหนี และถูกทหารไทยยิงจากด้านหลัง หากเป็นการยิงตามหลังจริง บาดแผลต้องมีลักษณะเป็นบาดแผลทางเข้าที่ด้านหลัง แต่จากภาพที่เห็นกลับไม่ใช่บาดแผลทางเข้า โดยเบื้องต้นคล้ายกับบาดแผลทางออกมากกว่า ลักษณะเหมือนหัวกระสุนมาตรงบริเวณผิวหนังด้านหลัง จนดันมาถึงด้านหน้า และยังสังเกตได้ว่า มีรอยกรีดบริเวณผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่ผ่ากรีดเพื่อหยิบหัวกระสุนออก ทำให้เห็นรอยกรีด และหัวกระสุนวางอยู่
หมอหมู ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า อาวุธที่ถูกอ้างว่าไทยใช้คือ ปืนเอ็ม16 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพสูง หากยิงเข้าเนื้อ โดยมากจะทะลุออก ทางเข้าจะเล็กและทางออกจะใหญ่จากพลังงานกระสุน แต่บาดแผลที่เห็นไม่ใช่ลักษณะบาดแผลจากกระสุนที่ทะลุ จึงไม่น่าจะเป็นอาวุธสงครามตามที่อ้าง
ส่วนหัวกระสุนที่วางอยู่บนผิวหนังนั้น หมอหมู ระบุว่า ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งว่า เป็นหัวกระสุนอาวุธสงครามจริงหรือไม่ โดยส่วนตัวมองว่า ลักษณะใกล้เคียงกระสุนปืนพกมากกว่า เพราะภาพยังไม่ชัดเจน จึงมองว่า บาดแผลไม่สอดคล้องทั้งกับเหตุการณ์ที่อ้างว่า เป็นการยิงจากด้านหลัง และไม่สอดคล้องกับอาวุธที่อ้างว่าเป็นเอ็ม16
เมื่อถามว่า มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ที่เขา จะกรีดแผลและนำกระสุนไปใส่ หมอหมู กล่าวว่า ยังมีความเป็นไปได้ ที่ไม่ได้ถูกยิงจากด้านหลัง อาวุธอาจไม่ใช่อาวุธสงคราม และจากรอยกรีดที่พบ มีความชัดเจนว่า เป็นการใช้มีดกรีดผิวหนัง โดยทั่วไป การกรีดเพื่อเอาหัวกระสุนออกควรมีคราบเลือด หรือเนื้อเยื่อติดบนหัวกระสุน แต่จากภาพที่เห็นหัวกระสุนค่อนข้างสะอาด จึงเป็นข้อสังเกตว่า หัวกระสุนนั้นอยู่ในร่างกายจริง หรือถูกนำมาวางภายหลัง ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้
สำหรับประเด็นที่กัมพูชาอ้างว่า มีคนกัมพูชาเสียชีวิต โดยมีการคำถามเรื่องผ่าชันสูตรศพ หมอหมู อธิบายว่า การผ่าชันสูตรต้องทำโดยศูนย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะหัวกระสุนเป็นหลักฐานสำคัญในการตรวจสอบว่ามาจากปืนกระบอกใด ซึ่งตามมาตรฐานต้องมีขั้นตอนการเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ ทั้งการผ่า การถ่ายภาพ และการดำเนินการตามเทคนิคต่างๆ โดยในไทยจะมีรอบเวลาการผ่าที่ชัดเจน ไม่เกิน 11.00น.-12.00น. แต่ไม่ทราบว่า กัมพูชามีการผ่าตอนกลางคืนหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากผ่าเสร็จก็ควรมีการบันทึกหลักฐานก่อนดำเนินการตามพิธีกรรมทางศาสนา
หมอหมู ทิ้งท้ายว่า ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อกล่าวหารุนแรง เช่นนี้ จำเป็นต้องพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่อาศัยเพียงคำกล่าวอ้าง โดยต้องมีการเก็บหัวกระสุน ตรวจอาวุธปืน ระบุทิศทางบาดแผล และสาเหตุการเสียชีวิตอย่างชัดเจน เพื่อนำไปเปรียบเทียบและยืนยันว่าเป็นการยิงจากปืนกระบอกใด เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหามีมูลจริงหรือไม่
Advertisement
