โชคดีได้คืน! ตำรวจมอบเงินคืนเหยื่อ แก๊งสแกมเมอร์ 1.9 ล้าน
โชคดีได้คืน! ตำรวจภูธรภาค 6 มอบเงิน 1.9 ล้านบาทคืนให้เหยื่อแก๊งสแกมเมอร์ ตามโครงการ Money Cash Back หลังหลงเชื่อตำรวจปลอม โทรหลอกตรวจสอบเงิน
วันที่ 29 ต.ค. 68 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร 6 เป็นประธาน มอบเงินคืนให้แก่ น.ส.พรหมพร (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย จำนวน 1,900,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีถูกแก๊งสแกมเมอร์ หลอกโอนเงินไปตรวจสอบ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 และเข้าแจ้งความเอาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่
น.ส.พรหมพร เล่าว่า ตนเองทำงานรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ที่หน้าวัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย เมื่อเดือน เม.ย. 68 ตนเองได้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่1 ได้รับเงินประมาณ 6 ล้านบาท โดยได้แบ่งเงินให้พ่อแม่และพี่สาว รวม 4 ล้านบาท ส่วนตนเองเหลืออยู่ประมาณ 2 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ได้รับสายจากผู้หญิงแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวว่าเป็นพนักงานธนาคารบอกว่า มีคนใช้เอกสารส่วนตัวของเธอไปเปิดบัญชีธนาคาร ถ้าไม่ใช่ตัวเธอให้ไปแจ้งความ และสอบถามว่าเธอจะประสงค์แจ้งความหรือไม่
เธอก็ตอบกลับไปว่าต้องการจะไปแจ้งเอง แต่เขาแจ้งกลับมาว่า ต้องรีบแจ้งเพราะว่าเป็นข้อมูลส่วนตัว ผู้หญิงคนนั้นจึงจะติดต่อกับตำรวจปลอมให้ และมีการให้แอดไลน์ ตำรวจปลอม บอกว่าจะตรวจสอบบัญชีให้ และมีคำตอบออกมาให้ว่า บัญชีของเธอนั้นไปพัวพันกับแก๊งฟอกเงิน และส่งรูปมาให้ดูพร้อมกับเอกสาร พร้อมทั้งกำชับว่าเป็นความลับ ห้ามเปิดเผย ต้องมีการตรวจสอบบัญชี และเธอต้องโอนเงินไปพัก เพราะว่าจะตรวจสอบเงินของเธอว่ามาจากที่ไหน เธอบอกว่าเธอจะไปแจ้งความเอง แต่ปลายสาย ห้ามเอาไว้เพราะว่าเป็นความลับห้ามบอกใคร หากเธอไปแจ้งที่ธนาคารหรือสถานีตำรวจ แก๊งฟอกเงินจะมีพรรคพวกที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว จะทำให้เขาไหวตัวได้ เขาจึงให้เธอโอนเงินไปพักไว้ที่อีกบัญชีหนึ่งซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้เปิดบัญชีส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้แก๊งฟอกเงินรู้ตัว โอนเงินครั้งแรก 100,000 บาท และครั้งที่ 2 จำนวน 1,900,000 บาท
และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เธอเปิดบัญชีไว้ ได้โทรศัพท์สอบถามว่า ได้เงินยอดเงินเยอะมากเลย เธอเป็นคนโอนเงินจริงๆ หรือเปล่า เธอจึงรู้สึกตัว เธอจึงบอกเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ช่วยอายัดเงินบัญชีเอาไว้ให้หน่อย และบัญชีปลายทาง และไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ ในวันนั้นเลย แต่ก็อายัดไม่ทันแล้วเพียงแค่หลังจากโอนเงินแล้ว 2 นาที แก๊งสแกมเมอร์ก็ถอนเงินออกเลย และวันนี้ได้รับเงินคืน 1,900,000 บาท เธอได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน ที่ช่วยเหลือเธอ เพราะว่าเงินทั้งหมดที่เธอโอนไปคือเงินทั้งหมดในชีวิตของเธอแล้ว
พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร 6 เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มคนทำการถอนเงินสดผ่านหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร 2 ธนาคาร ที่ศูนย์การค้าในพิษณุโลกจำนวนหลายรายการ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย เป็น ผู้ชาย 2 คน อายุ 39 และ 48 ปี ผู้หญิง 2 คน อายุ 26 และ 28 ปี กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่บริเวณศูนย์อาหาร พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 3,100,000 บาท โทรศัพท์มือถือที่ใช้พูดคุยกับกลุ่มผู้รับเงินผ่านแอปพลิเคชั่น เทเลแกรม และรถเบนซ์ สีดำ 1 คัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไม่สามารถอธิบายที่มาของเงินสดทั้งหมดได้
และจากตรวจสอบที่ตัวของกลุ่มผู้ต้องหา ยังพบหลักฐานการถอนเงินอีก 3 ฉบับ คือ 1,400,000 บาท 1,000,000 บาท และ 590,000 บาท ซึ่งจากการดูประวัติการพูดคุยในโทรศัพท์ แอปพลิเคชั่นเทเลแกรม หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนั้น พบว่ามีเงินจากบัญชีของ น.ส.พรหมพร ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงโอนเงินมาจำนวน 1,900,000 บาท และผู้เสียหาย เป็นผู้ชายอีก 1 คน ถูกหลอกโอนเงินมา 592,532.82 บาท จึงทราบแหล่งที่มาของเงินสดของกลาง รายการที่ 2 และ 3
พล.ต.ตซณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายคดีนี้แก๊งคนร้ายแบ่งหน้าที่กันทำออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบัญชีม้าพลีชีพ ทำหน้าที่เปิดบัญชีและถอนเงินสด หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร และ 2 กลุ่มรอรับเงินสด คุมเงิน จ่ายค่าตอบแทน และนำเงินสดไปส่งมอบให้กับผู้รับผลประโยชน์ คดีนี้มีผู้ต้องการวม 7 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด ศปอส.สภ.เมืองพิษณุโลก จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป
Advertisement
