วันที่ 20 ต.ค.2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรณทอง, พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. ปฏิบัติการจับกุมหนุ่มใหญ่ลักลอบให้บริการฝังมุกอวัยวะเพศชายให้ประชาชน จับกุม นายพิทยา (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง จำนวน 39 รายการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.เฉลิม เจริญหิรัญวนิช สว.กก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เฝ้าระวังบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ที่โฆษณารับให้บริการผ่านสื่อออนไลน์ พบ Tiktok ชื่อ “ช่างใหญ่ โมดิฟาย” ให้บริการรับขลิบ ฝังมุก และฉีดเพิ่มขนาดให้บุคคลทั่วไป ซึ่งการผ่าตัดเพื่อใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศ หากประชาชนรับบริการดังกล่าว อาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ และประสบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบถึงตัวผู้กระทำผิดโดยพบว่า มีการนัดหมายเพื่อทำการฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย และฝังมุกโดยใช้การนัดหมายให้ผู้ใช้บริการไปตามจุดนัดหมายตามพื้นที่ต่างๆ หรือขับรถไปรับตามจุดนัดหมายและทำการฝังมุกภายในรถยนต์จริง
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวมีการนัดหมายประชาชน ไปรับตนซึ่งเดินทางมาจาก จ.กาฬสินธุ์ ที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 แล้วไปจอดอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 6 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร เพื่อทำการฝังมุกภายในรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามและทำการตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้เป็นสถานที่ในการรับฝังมุกอวัยวะเพศ พบ นายพิทยา อายุ 51 ปี กำลังให้บริการลูกค้าที่นัดหมายผ่าตัดฝังมุก โดยรับว่าตนไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพ เวชกรรมแต่อย่างใด โดยใช้รถยนต์เป็นสถานที่ทำการรับผ่าตัด หรือฉีดเพิ่มขนาด โดยไม่มีเครื่องมือแพทย์ ที่ถูกสุขอนามัยแต่อย่างใด จึงร่วมกันจับกุมนายพิทยาฯ คดีในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน และรับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเม็ดมุก, ยาชา, เวชภัณฑ์, เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ในการผ่าตัด รวม 39 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก. ปคบ. ดำเนินคดี ดังนี้
1.เม็ดมุกแก้ว ลักษณะแบบ กลม ลูกเต๋า เม็ดถั่ว หัวใจ แคปซูล ซาลาเปา จำนวน 189 เม็ด
2.ใบมีดผ่าตัว Surgical Blades จำนวน 23 อัน
3.กระบอกฉีดยาพร้อมเข็ม จำนวน 10 ชุด
4.เข็มเย็บแผล จำนวน 5 ห่อ
5.ยาชา ไหมเย็บแผล กรรไกร สำลี ผ้าพันแผล จำนวน 30 ชิ้น
โดย นายพิทยาฯ ยอมรับว่า ตนได้มาทำอาชีพเสริมให้บริการขลิบ ฝังมุก และฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ เนื่องจากพบเห็นตามสื่อสังคมออนไลน์แล้วเกิดความสนใจที่จะเรียนรู้นำมาทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มเติม โดยนัดให้บริการนอกสถานที่ทั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดตามที่นัดหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ตามบ้านพักหรือบนรถยนต์ โดยคิดค่าบริการฝังมุกอวัยวะเพศรูปแบบ ขนาดต่างๆ เม็ดละ 1,000 บาท บริการขลิบปลายอวัยวะเพศ 5,000 บาท และฉีดเพิ่มขนาดครั้งละ 10,000 บาท โดยทำมาแล้วประมาณ 1 ปี
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าการฝังมุกหรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายซึ่งเป็นอวัยวะเฉพาะ และเป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวในแต่ละบุคคล ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ทางการแพทย์แต่อย่างใด การผ่าตัดเพื่อใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบ จนถึงขั้นติดเชื้อและส่งผลให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวในทันทีเพราะไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบแผนการกระทำผิดหรือย้ายสถานที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจเจับฝ้าระวังและติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่องจนถึงที่สุด โดยประชาชนทั่วไปที่มีเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
Advertisement