ทนายความ "สีกาพลอย" หอบแฟ้มเส้นเงินบริจาควัด ให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
ทนายความ "สีกาพลอย" หอบแฟ้มเส้นเงินบริจาควัดใน จ.ปทุมธานี มอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม หลังเข้าแจ้งความให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระ ยืนยันไม่ใช่ประเด็นชู้สาว
(16 ก.ย. 2568) เมื่อเวลา 09:40 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น ทนายความที่รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ได้แฟ้มเอกสาร ซึ่งมีหลักฐานเส้นทางการเงิน - สลิปการโอนเงินฉบับจริง มามอบให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเพิ่มเติม ภายหลังจากได้เข้าแจ้งความให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดดังแห่งหนี่งใน จ.ปทุมธานี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดย น.ส.ทองใหม่ เล่าว่า เมื่อช่วงปี 2561 คุณพลอย ผู้เสียหาย เป็นโยมอุปัฏฐาก มีความเลื่อมใสและศรัทธาหลวงพ่อวัดนี้ มีอาชีพทำธุกิจและอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี จากนั้นทางวัดก็ต้องการที่จะให้จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ประเทศเยอรมนี ในลักษณะของสมาคมสาขาของวัด เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทางพระจึงได้ทยอยโอนเงินให้คุณพลอยตามที่ปรากฏพยานหลักฐาน 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้นประมาณ 12 ล้านบาท แล้วหลังจากนั้นก็ให้คุณพลอยโอนเงินเข้าไปยังสมาคมดังกล่าว
โดยช่วงแรกมีการโอนเงินไป 4 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 มีการโอนเงิน จำนวน 6,000,000 บาท / ครั้งที่ 2 จำนวน 2,700,000 บาท / ครั้งที่ 3 จำนวน 2,000,000 บาท และครั้งที่ 4 จำนวน 1,500,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,200,000 บาท แต่ปรากฏว่าในตอนหลัง คุณพลอยก็มาทราบเรื่องว่า เงินที่ได้โอนผ่านเข้าไปยังสมาคม กลับถูกโอนต่อไปยังบัญชีพระรูปหนึ่ง ซึ่งทางทนายความขอสงวนที่จะเปิดเผยว่าเป็นพระรูปใด
ทางผู้เสียหายต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้และอยากเรียกร้องความยุติธรรม จึงมอบหมายจากให้ทนายความดำเนินการร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในวันนี้นั้นตนได้พยานหลักฐานเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นหลักในคดีนี้ เป็นเรื่องของการโอนเงินที่มีการเปิดบัญชีในประเทศไทย โดยเป็นการโอนเงินเงินสดเข้ามามายังบัญชีผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายมีหน้าที่ในการโอนเงินจากบัญชีตนเองไปยังบัญชีของสมาคมที่มีการเปิดไว้ในประเทศเยอรมนี
ทางทนายความยืนยันว่า การที่ผู้เสียหายตัดสินใจแจ้งความร้องทุกข์ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาวหรือขัดผลประโยชน์กันแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ทางผู้เสียหายเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนี้นั้น ผู้เสียหายแค่รู้สึกศรัทธาและต้องการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ จึงตัดสินใจมารับเป็นผู้มีอำนาจในการกระทำการแทน โดยทางผู้เสียหายได้เข้ามาบริหารจัดการโดยรับการว่าจ้างเป็นการส่วนตัว ซึ่งทางผู้เสียหายมีการชำระภาษีตามกฏหมายถูกต้อง
ส่วนคดีการฟอกเงินในประเทศเยอรมันนีนั้น ตนไม่ขอให้ข้อมูล ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนชี้แจงในรายละเอียดดีกว่า ส่วนผู้เสียหายจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำกับเจ้าที่ตำรวจอย่างไรนั้นอยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้รับการรายงานว่า ทางผู้เสียหายได้ มีการถูกพระดังกล่าวว่าจ้าง เป็นรายเดือนให้ดูแลสมาคมและมูลนิธิสอนพุทธศาสนาเดือนละ 174,000 บาท ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการกิจกรรมและบริหารเงินในสมาคมและมูลนิธิ
Advertisement
