ต๊ะ นารากร แจ้งความถูกหลอกทำภารกิจ พบผู้เสียหายอื้อ
ต๊ะ นารากร พิธีชื่อดัง แจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังต้องการขายเสื้อผ้ามือสอง แต่ถูกหลอกทำภารกิจ ผู้เสียหายกว่า 20 คน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 16 กรกฎาคม 68 เวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี น.ส.นารากร ติยายน หรือ ‘ต๊ะ นารากร’ พิธีชื่อดัง ได้นำผู้เสียหลายราย ถูกหลอกทำภารกิจขายเสื้อผ้าโอนเงินผ่านทางออนไลน์กว่า 20 คน มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.
น.ส.นารากร เปิดเผยว่า ตัวเธอเองก็เป็นผู้เสีย หาย และยังมีผู้เสียหายรายอื่นในกลุ่มประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายน่าจะเกิน 10 ล้านบาท
ในส่วนของเธอ น.ส.นารากร เล่าว่า เห็นกลุ่มขายเสื้อผ้ามือสองผ่าน Facebook ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี จึงอยากลองขาย จึงทักไปพูดคุยกันใน Messenger ก่อนที่แอดมินจะส่ง QR Code มาให้เข้าไปพูดคุยใน LINE Open Chat ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่เข้า เพราะแค่ต้องการจะขายของ สงสัยว่าทำไมจะต้องเข้ากลุ่ม ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ แอดมินก็ทักมาทุกวันว่า “ลูกค้ากดเข้ากลุ่ม LINE Open Chat หรือยังคะ” จึงตัดสินใจเข้าไป ก็พบว่าในกลุ่มมีการซื้อขายกันจริง มีการสรุปยอดทุกวัน ซึ่งตอนแรกเธอยังไม่ตัดสินใจขาย ทำการสังเกตุถึง 3 สัปดาห์ก่อนจะตัดสินใจเมื่อ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เอารองเท้าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาประกาศขาย ปรากฏว่ามีคนทักมาซื้อรองเท้าจริง จากนั้นก็มีการพูดคุยกับลูกค้า จนตกลงกันได้ขายรองเท้า 2 คู่ ในราคา 2,900 บาท
เมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าต้องจ่ายเงิน ลูกค้าบอกว่าจะต้องมีรหัสร้านค้า ต้องไปเอาที่แอดมิน และต้องสแกน QR Code เข้าไปคุยอีกห้องไลน์นึง โดยแอดมินบอกว่าให้โอนเงินเข้าไป 193 บาทเพื่อขอรหัสร้านค้า เมื่อโอนไปแล้วทางแอดมินจะโอนเงินคืนมา 255 บาท ซึ่งก็มองว่าได้กำไรในการโอนครั้งแรก หลังได้รับรหัสสินค้า ลูกค้าก็โอนเงินมาให้ แต่เรายังไม่สามารถที่จะถอนเงินได้ ด้วยความที่เราเป็นคนซื่อสัตย์ เราไม่ใช่คนโกง อยากจะส่งของให้ลูกค้า และต้องการที่อยู่ของลูกค้า พอถามลูกค้าว่าส่งที่อยู่ให้หน่อยได้ไหม ลูกค้าบอกว่าต้องไปขอกับแอดมินอีกคนนึง ซึ่งแอดมินคนนี้บอกว่าแต่ “จะส่งที่อยู่ให้คุณจะต้องทำภารกิจก่อน จะต้องทำแบบทดสอบก่อน” ซึ่งในภารกิจนี้ เราจะต้องทำการโอนเงินไปโดยเธอโอนเงินไปทั้งหมด 3 ครั้ง ทั้งหมด 21,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับเงินคืน จึงตัดสินใจรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าแจ้งความทันที
ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเจอในลักษณะแบบเดียวกัน ทุกคนต้องการขายของ ถ้าถามว่าโลภไหมยืนยันว่าไม่ได้โลภ ยืนยันว่าไม่ได้อยากได้เงินใคร อยากขายของของเรา และทุกคนที่ถูกหลอกไม่ใช่คนโง่ ไม่ว่าใครก็ถูกหลอกได้เหมือนกัน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของกลุ่มมิจฉาชีพแบบ A B C หรือที่จะให้เหยื่อหลอกกันเอง ซึ่งหลังจากที่ ผู้เสียหายได้นำหลักฐานมาแจ้งความ ไม่ว่าจะเป็นสลิปโอนเงินต่างๆ ทางตำรวจไซเบอร์จากได้ตรวจสอบบัญชีม้า ที่ผู้เสียหายโอนไป พบว่ามีคดีต่างๆ ที่ถูกแจ้งความไว้ถึง 30 คดี มีทุกประเภทในการหลอกลวง หลอกให้ทำภารกิจ หลอกให้ขายสินค้า แม้กระทั่งข่มขู่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จึงทำให้เรารู้ว่าเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยส่วนใหญ่กลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ พวกนี้จะมีการตั้งออฟฟิศเอาไว้ใช้ในการหลอกลวง มีคนประมาณ 20 คน ทำหน้าที่หลอกแตกต่างกันไป
หรือแม้กระทั่งกลุ่ม LINE Open Chat ที่ทางผู้เสียหายได้เข้าไป จะเห็นว่ามีคนอยู่เป็นหลัก 100 คน ก็คิดว่าเป็นคนจริงทั้งหมด แต่ในความจริงแล้วบุคคลภายในโอเพ่นแชทนั้น เป็นเพียงแค่คนปลอมที่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวง รวมถึงกดดันผู้เสียหาย เช่น หากไม่ทำตาม คนทั้งกลุ่มก็จะเสียหายไปด้วย เป็นการหลอกและกดดันผู้เสียหายจนหลงเชื่อ ซึ่งเป็นจิตวิทยาที่คนร้ายใช้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า เมื่อเราเริ่มเชื่อคนร้าย เราก็จะไม่กลับไปหาความจริงในครั้งแรก เราจะเชื่อไปเรื่อยๆ เพราะเราสูญเงินไปแล้ว ถ้าหากเราไม่เชื่อเขา ทำเขาไม่พอใจ หรือทำให้เขาโกรธ เขาก็อาจจะไม่โอนเงินคืน คิดว่าจ่ายอีกนิดนึง อาจจะได้เงินคืน นั่นคือกลอุบายที่คนร้ายใช้ ซึ่งนอกจากนี้คนร้ายยังนำ AI เข้ามาประมวลผลในการหลอกลวงอีกด้วย
หลังจากนี้จะให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำการตรวจสอบพยานหลักฐาน รวมถึงเส้นทางการเงิน บัญชีธนาคารทั้งหมด หากคดีไหนที่เคยมีการแจ้งความไว้แล้วก็จะติดตามความคืบหน้าให้ทันที
ทั้งนี้ อยากฝากเตือนประชาชนว่า อาชญากรรมทางออนไลน์ยังคงอยู่ ยังมีผู้เสียหายวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย สูญเสียเงินไม่ต่ำกว่าวันละ 70 ล้านบาท ประชาชนจะต้องไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน ถ้าหากรีบโอน โอนแล้วอาจจะไม่ได้คืน
Advertisement
