(4 มิ.ย. 2568) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เอาผิดกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), นายแสวง บุณมี เลขาธิการ กกต. พรรคภูมิใจไทย, กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย, สมาชิกวุฒิสภา (รายชื่อปรากฎตามสำนวนสอบสวนของคณะกรรมการ กกต.), นายเนวิน ชิดชอบ (ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), นางกรุณา ชิดชอบ, นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ กับพวก, นายศุภชัย โพธิ์สุ, น.ส.วาริน ชิณวงศ์, นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์, นายสุบิน ศักดา เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือข้อหาล้มล้างการปกครอง
นายณฐพร เปิดเผยว่า ผู้ถูกร้องในสำนวน มีประมาณ 200 คน มีการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง โดยไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และเชื่อมโยงว่า กกต. จัดการเลือกตั้งโดยมิชอบ ไม่ได้ดำเนินการสอบสวน และมีความเกี่ยวพันระหว่าง กกต. กับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะในคดีฮั้ว สว. ซึ่งหากไม่มีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็จะไม่มีการสอบสวนมาจนถึงวันนี้ รวมทั้งพยานหลักฐานของดีเอสไอ ทั้งจากภาพถ่าย AI พบเส้นทางการเงิน และการกระทำของผู้ถูกร้องอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ จะมีประเด็นที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการการเลือก สว.ระดับอำเภอ และจังหวัด มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด รวมถึงการจ้างคนมาลงสมัคร ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในคำร้อง พร้อมขอให้บุคคลเหล่านี้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เพราะหากปล่อยให้ สว.ชุดนี้ ปฎิบัติหน้าที่ต่อไปในการเห็นชอบบุคคลต่างๆ ในองค์กรอิสระ ก็จะทำให้เกิดปัญหากับประเทศชาติ
ทั้งนี้ ในการยื่นตามมาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญต้องรับคำร้องไว้เท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ตนยื่น มีพยานหลักฐานเพียงพอ และชัดเจน พร้อมยืนยันว่า การเลือก สว. ครั้งนี้ คนไทย 90 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่ามีความไม่สุจริตอย่างไร และคาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ศาลก็จะมีคำสั่งรับคำร้อง
นายณฐพร ยืนยันว่า มีข้อมูลที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงนายเนวิน และนางกรุณา ทั้งเส้นทางการเงิน และการประชุมพบปะหารือต่างๆ โดยยกตัวอย่างความเชื่อมโยงว่า บุคคลที่ได้ลงสมัคร สว.มีทั้งความเชื่อมโยงกับนายเนวิน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งในบรรดาคดีล้มล้างการปกครอง ไม่มีคดีไหนที่จะมีหลักฐานมากเท่าคดีนี้ และศาลไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เพราะมีหลักฐานในสำนวนปรากฏอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะใช้เวลาพิจารณาได้อย่างเร็วที่สุด
นายณฐพร ยังชี้แจงถึงข้อสงสัยถึงการมีหลักฐานเหล่านี้ได้อย่างไรว่า เป็นการรวบรวมมาจากการแถลงข่าวของดีเอสไอ รวมถึงการยื่นคำร้องของบรรดา สว.ที่ไม่ได้รับเลือก ดังนั้นการแถลงข่าวของตนเองในวันนี้ ก็เหมือนเป็นการบอกข้อสอบ ให้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องรู้ว่าต้องแก้ข้อกล่าวหาอย่างไร และเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่หาก สว.ไปเลือกองค์กรอิสระ ที่เป็นบุคคลของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งตนไม่ได้มีความหวังที่จะเป็นนักการเมือง แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทยหากถูกยุบไป ตนก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย แต่อยากให้ สว.คัดเลือกคนที่ดีเข้ามาเป็นองค์กรอิสระ
"อย่าลืมว่าประธาน กกต. เป็นนักเรียนสวนกุหลาบฯ รุ่นพี่คุณเนวิน 1 ปี เลขาฯ กกต. ก็เป็นคนสนิทของคุณชัย ชิดชอบ (บิดาของนายเนวิน) คุณดูสิทุกวันนี้ คนที่เข้ามาเป็น สว. มาจากบุรีรัมย์เกือบทั้งนั้น เราจะปล่อยให้ประเทศไทยอยู่ใต้อิทธิพลเหล่านี้หรือ เราควรจะต้องมีความเป็นธรรมกับสังคม ที่ผมทำไม่ได้มีความขุ่นเคืองอะไรกับพรรคภูมิใจไทย หรือคุณเนวินคุณอนุทิน" นายณฐพร กล่าว
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เคยวินิจฉัยให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฎิบัติหน้าที่ในการดูแลควบคุมดีเอสไอ สืบเนื่องจากคำร้องของ สว. จะทำให้การยื่นร้องในครั้งนี้เสียเปรียบหรือไม่ นายณฐพร กล่าวว่า เมื่อศาลมีมาตรฐานแบบนี้ คดีของตนมีประจักษ์พยานหลักฐานชัดเจน กระทั่งหน่วยราชการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว สว.ชุดนี้ก็ควรจะหยุดปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามถึง นายทองเจือ หนึ่งในผู้ถูกร้อง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร นายณฐพร อ้างว่า นายทองเจือเป็นคนใกล้ชิด นายเนวิน มีห้องทำงานอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เป็นคนวิ่งเต้นดำเนินการทั้งหมด ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ก็เป็นคนจัดโควตาว่า สว. จะเป็นประธานกรรมาธิการ รวมถึงบรรดา ผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญของ สว. ที่ตั้งได้ 8 ตำแหน่ง หักไปไล่ดูรายชื่อ พันกว่าคนล้วนแต่เป็นคนที่มารับจ้างสมัคร และมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอทั้งหมด ตนเองจึงมั่นใจว่าคดีนี้ ตนมั่นใจที่สุดตั้งแต่ทำคดีมา
Advertisement