เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 2 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.ชลิต มรกตศรีวรรณ ผกก.สภ.พระยืน พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ สายสมบัติ รองผกก.สืบสวนสภ.พระยืน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระยืน นำตัวนายสิงหา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่าย่าตัวเองตายในบ้านไปชี้จุดที่เกิดเหตุที่บ้าน พื้นที่หมู่ 1 ต.ขามป้อม อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
หลังชี้จุดที่เกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ชลิต ผกก.สภ.พระยืน ว่าเนื่องจากเมื่อ เวลา 21.00 น.คืนวันที่ 1 มิถุนายน2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระยืน รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนตายที่บ้าน หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนพร้อมด้วยพ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ สายสมบัติ รองผกก.สืบสวน สภ.พระยืน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอีกหลายนายได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบว่าเป็นบ้านไม้สองชั้น หน้าบ้านต่อระเบียงยื่นออกมา ก็พบร่างของ น.ส.บุญมา (สงวนนามกสุล) อายุ 87 ปีเ จ้าของบ้านนอนเสียชีวิตอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ในบ้าน สภาพศพที่หน้าผาก ที่แก้มซ้ายมีบาดแผลคล้ายของแข็งบาดเป็นแผลลึก เบ้าตาเขียวช้ำ จึงสอบถามนายสิงหา หลานชาย ซึ่งนั่งอยู่ในบ้าน ในเบื้องต้นนายสิงหา บอกว่าตนไปทำธุระกลับเข้าบ้านมาในช่วงค่ำ ก็พบย่านอนคว่ำหน้าในห้องน้ำ คาดว่าย่าจะล้มหัวฟาดพื้น จึงรีบล้างตัวย่าแล้วอุ้มย่ามานอนห่มผ้าที่แคร่ดังกล่าวแต่ย่าไม่ตื่น จึงให้ชาวบ้านแจ้งตำรวจ เพราะเชื่อว่าย่าล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้นตาย
ผกก.สภ.พระยืน กล่าวอีกว่าจากการร่วมกับแพทย์ตรวจชันสูตรบาดแผลที่หน้าผาก ที่แก้มของย่าแล้ว เชื่อว่าไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากการล้มในห้องน้ำ แต่น่าจะถูกทำร้ายแล้วเสียชีวิต แล้วคนลงมือก่อเหตุก็คือคนใกล้ตัวที่ลงมือฆ่าแล้วอำพรางศพคนตายว่าเป็นการล้มในห้องน้ำตาย และจากการตรวจสอบประวัติและตรวจร่างกายของผู้ต้องหาไม่พบสารเสพติด และประวัติก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพคิดแต่อย่างใด
แต่จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่านายสิงหา เป็นลูกของลูกชายของคนตาย แต่พอนายสิงหาโตเป็นหนุ่มไม่ถูกกับพ่อแม่ ทำร้ายพ่อแม่ ไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน พ่อแม่ทนไม่ได้จึงออกจากบ้านไปแล้วไม่กลับมาที่บ้านอีก คนตายซึ่งเป็นย่าจึงรับนายสิงหาเป็นบุตรบุญธรรม ยกทรัพย์สินที่ย่ามีให้นายสิงหาหมด และย่าก็ขายที่ดินได้เงินมาหลายแสนบาท เอาเงินให้นายสิงหาเอาไว้เลี้ยงดูตัวเอง นายสิงหาก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุกับย่ามาตลอด
ต่อมานายสิงหามีภรรยาอยู่กินกันจนมีบุตรด้วยกัน สุดท้ายฝ่ายภรรยาก็พาลูกหนีไปได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ย่าจึงอยู่กับนายสิงหาที่บ้านหลังเกิดเหตุเพียง 2 คน ย่าก็แก่ชราเดินไม่ได้ ต้องไถไปมาในบ้าน มีนายสิงหาล้างขี้ล้างเยี่ยวและหาข้าวให้กินมาหลายปีแล้ว ระยะหลังนายสิงหาทำร้ายย่าบ่อยแต่ไม่รุนแรง ชาวบ้านใกล้เคียงทราบดี แต่ไม่มีใครอยากยุ่ง
จนกระทั่งเวลา 19.00 น.วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ย่าได้ไถตัวเองไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน บอกว่านายสิงหาตี แต่ไม่นานนายสิงหาก็เดินไปอุ้มเอาย่ากลับบ้าน และในช่วงที่เดินเข้าบ้านนายสิงหาอุ้มย่าหลบมุมกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในบ้าน เมื่อถึงในบ้านไม่นานก็มีเสียงทุบ 2 ครั้ง แล้วก็มีเสียงย่าร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วก็เงียบเสียงไป ต่อมาประมาณ 2 ทุ่มวันเดียวกันนายสิงหาก็เดินออกมา บอกว่าบ้านว่าย่าล้มในห้องน้ำตายแล้ว ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจดังกล่าว
ผกก.สภ.พระยืน กล่าวต่ออีกว่าหลังทราบรายละเอียดจากชาวบ้าน จึงคุมตัวนายสิงหามาสอบสวน ในเบื้องต้นให้การปฏิเสธ จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 2 มิถุนายน จึงให้การรับสารภาพว่าหลังจากเมียหนีก็หงุดหงิดอารมย์เสีย และหงุดหงิดที่ย่าพิการ บ่น ด่า และหงุดหงิดที่ต้องคอยเก็บขี้เก็บเยี่ยวทุกวัน จึงตบย่าไปหลายครั้ง ย่าหนีออกจากบ้านไปจึงไปอุ้มกลับมาที่บ้านย่าก็ยังไม่หยุดด่า จึงใช้ก้อนหินทุบที่ศีรษะที่ใบหน้าย่าไป 2-3 ครั้ง จนย่าสิ้นใจ จากนั้นจึงอุ้มร่างย่าเข้าไปล้างทำความสะอาดในห้องน้ำ แล้วเอาร่างย่ามานอนห่มผ้าไว้บนแคร่ จากนั้นจึงไปบอกชาวบ้านว่าย่าล้มในห้องน้ำตาย
ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและเคลื่อนย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
Advertisement