“ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” รุดช่วยเหลือเด็กสาว 17 ปีถูกรุมชำเราย่านตลิ่งชัน
“ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” รุดช่วยเหลือเด็กสาว 17 ปี ถูกแก๊งโจ๋พาไปรุมชำเรา ย่านตลิ่งชัน หลังกลับจากเที่ยวร้านเหล้า
วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ครอบครัวสาว 17 ปี ร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลังถูกเพื่อนสนิทลวงไปให้ชายแปลกหน้ารุมโทรม กระทำชำเรา หลังเกิดเหตุยังถูกข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปแจ้งความ ไม่เช่นนั้นจะโดนหนักกว่านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นางสาวพิมพ์ อายุ 24 ปี พี่สาวผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม น้องสาวไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในซอยจอมทอง 19 โดยมีนางดุ่ย เพื่อนสนิทเป็นคนพาไป เมื่อไปถึงนางดุ่ย ได้พาน้องสาวไปรู้จักกับกลุ่มชายผู้ก่อเหตุ และพยายามให้น้องสาวเดินไปชนแก้วกับกลุ่มนี้บ่อยๆ กระทั่งขากลับน้องสาวที่เริ่มมีอาการมึนเมา แต่ยังพอมีสติ เห็นนางดุ่ยขึ้นรถจักรยานยนต์ไปกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ บอกว่าจะไปดื่มกันต่ออีกร้านหนึ่ง ซึ่งกลุ่มชายผู้ก่อเหตุได้พาน้องสาวขึ้นรถจักรยานยนต์ไปด้วย โดยระหว่างทางน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงกลาง ถูกชายที่นั่งซ้อนท้าย พยายามเทเหล้ากรอกใส่ปากน้องตลอดทาง
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ น้องสาวที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ถูกกลุ่มชายราว 3-4 คน เวียนกันข่มขืน กระทั่งมีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ได้เข้ามาข้างใน และพูดขึ้นว่า “พวงมึงทำแบบนี้กันอีกแล้วนะ” ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะออกไป ซึ่งนางดุ่ย ได้เข้ามาใส่เสื้อผ้าให้น้องสาว และพากลับไปส่งที่บ้าน หลังเกิดเหตุนางดุ่ ยได้มีการข่มขู่น้องสาวว่าห้ามนำเรื่องไปแจ้งความหรือบอกใครอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะโดนหนักกว่านี้ อีกทั้งยังปฏิเสธมาเป็นะยานให้กับน้อง ซึ่งเธอและน้องสาวได้พากันมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ตลิ่งชัน แต่คดีกลับเงียบ อีกทั้งสภาพจิตใจของน้องสาวค่อนข้างแย่ และยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้ประสานเจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน และกรมคุ้มครองสิทธิ์กระทรวงยุติธรรม เข้าช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย และแจ้งความเอาผิดเพิ่มกับเพื่อนสนิทคนดังกล่าว ที่เป็นคนชักชวนผู้เสียหายไป พร้อมทั้งขอให้ตำรวจช่วยขยายผลกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ไม่น่าจะใช้ครั้งแรก
ต่อมา มูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ บริเวณชุมชนเรียบทางรถไฟตลิ่งชัน พบเป็นบ้านไม้ที่มีคนอาศัยอยู่ หน้าประตูห้องพบเศษถุงยางใช้แล้วทิ้งเกลื่อนสอบถามนางเอ (นามสมมุติ) เจ้าของบ้าน ให้ข้อมูลว่าวันเกิดเหตุช่วงประมาณเที่ยงคืนได้ยินเสียงดังผิดปกติมาจากห้องลูกชาย ซึ่งวันนั้นลูกชายออกไปข้างนอกพอดี จึงตัดสินใจเดินไปดู ปรากฏเห็นเป็นกลุ่มวัยรุ่น 4-5 คน แอบเข้ามามั่วสุมอยู่ในห้อง จึงใช้ไฟฉายส่อง และตะโกนไล่ให้ออกไปทันที โดยเธอยังบอกอีกว่า ปกติจะเห็นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกชายมานั่งเล่นแถวนี้บ่อย แต่ไม่เคยเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุยืนยันว่าไม่รู้จัก
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พบนายปลาย อายุ 17 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนไปดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน แต่นั่งแยกโต๊ะกัน ซึ่งเห็นผู้เสียหายกับเพื่อนสาวอีก 1 คน เดินมาชนแก้วและพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของตน ก่อนจะแยกย้ายกัน ซึ่งตนได้ไปดื่มต่อแถวย่านพระราม 2 ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุตนไม่ทราบว่าไปไหนกันต่อ จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าทั้งหมดได้มาก่อเหตุข่มขืนกันที่ห้องของตน โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้ไปให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว ส่วนถุงยางหน้าห้องนั้นเป็นของตนที่ใช้กับแฟนสาวไม่ใช่หลักฐานของผู้เสียหายแต่อย่างใด
ต่อมาช่วงบ่าย นางสาวพลอย อายุ 18 ปี หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ ได้เข้ามาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่ สน.ตลิ่งชัน พร้อมเผยว่า วันเกิดเหตุเธอไปดื่มที่สถานบันเทิงดังกล่าว โดยสังเกตเห็นผู้เสียหาย อยู่ในอาการมึนเมา เดินมาคุยกับรุ่นน้องที่โต๊ะเธอบ่อยครั้ง กระทั่งขากลับสาวผู้เสียหาย ได้เดินมาที่รถจักรยานยนต์ของรุ่นน้องบอกว่าจะขอไปด้วย ซึ่งเธอก็ถามย้ำหลายครั้งว่าจะไปไหน เพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก่อนที่สาวผู้เสียหายจะขึ้นรถติดไปกับรุ่นน้อง โดยเธอก็ได้ขี่ตามหลังไปที่บ้านของนายปลาย เพื่อจะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แต่ทว่าเมื่อไปถึงภาพที่เห็นคือรุ่นน้อง 3 คน กำลังพยายามขืนใจสาวผู้เสียหาย ซึ่งเธอที่เห็นแบบนั้น จึงได้ถีบประตูเข้าไป และตะโกนด่าทั้ง 3 คน ว่า “พวกมึงทำเหี้_อะไรกัน ถึงเลวขนาดนี้”
ก่อนที่เพื่อนของผู้เสียหาย จะรีบเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้ ซึ่งเธอเห็นว่าผู้เสียหายดูไม่มีอาการหวาดกลัว ซ้ำยังยิ้มหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งหลังเกิดเหตุเธอยังเห็นผู้เสียหายมาดื่มที่สถานบันเทิงตามปกติ ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของรุ่นน้องที่ไปทำแบบนั้น โดยเธอยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสอบปากคำวันนี้
Advertisement
