จากกรณีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ตามมายิง นายทศพล แหยมสด อายุ 34 ปี เสียชีวิตในซอยนวลจันทร์ 22 เมื่อกลางดึกวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน คือ นายชนิตพล เพชรชนะ มือยิง และนายรณพีร์ อายุ 17 ปี มาสอบปากคำดำเนินคดีที่ สน.โคกคราม โดยควบคุมตัวมาจากเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างควบคุมตัวนายชนิตพลไปสอบสวน ได้กล่าวสั้น ๆ ว่า " ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต" ก่อนจะเดินทางเข้าห้องสอบสวนโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลย
โดยก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และร่วมกันยิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน
พ่อของนายชนิตพล เปิดเผยว่า หลังจากก่อเหตุลูกชายได้โทรศัพท์หา แต่ไม่ได้บอกว่าไปก่อเหตุอะไรมา ต่อมาตนทราบเรื่อง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมาตนจึงได้ขอให้ลูกเข้ามอบตัว เพราะถ้าลูกจะหนี ต้องหนีไปถึง 20 ปี จนหมดอายุความ กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก แต่ถ้าหากยอมรับโทษไปตามกฎหมาย ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ออกมาเจอกัน ซึ่งตนก็ได้บอกกับลูกชายว่าให้ยอมรับในสิ่งที่ทำ ขอให้ลูกชายขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งตนก็ขอเป็นตัวแทนของลูกชายขอโทษญาติผู้เสียชีวิตด้วย
ทั้งนี้ยืนยันลูกชายของตนเป็นคนนิสัยดี ไม่ได้เป็นคนเกเร ส่วนรายละเอียดว่าสาเหตุใดลูกชายถึงก่อเหตุนั้น ลูกชายไม่ได้เล่าให้ฟัง ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นพ่อนั้น ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงลูกมาก
หลังจากนั้น พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แถลงผลการจับกุม เปิดเผยว่า หลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเพื่อน ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา จากนั้นก็มีเพื่อนคือนายเอกชัย 23 ปี ขี่รถจักรยานยนต์มารับ พาไปส่งที่ย่านบึงกุ่ม จากนั้นก็มีเพื่อนอีกคนขับรถมารับไปย่าน พระราม 2 จากนั้นก็มีเพื่อนอีกคนขับรถกระบะมารับพาหลบหนีไปอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนจะย้อนขึ้นมาหลบหนีไปที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตำรวจก็ติดตามกดดันจนมีการประสานขอเข้ามอบตัว
นายชนิตพล รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิงเอง ไม่มีการซัดทอดใคร ไม่พาดพิงใคร แม้แต่นายเพ้นท์ คนขี่รถจักรยานยนต์ก็ไม่ซัดทอด อ้างว่านายเพ้นท์ ไม่ทราบเรื่องว่าจะไปทำอะไร สาเหตุมาจากเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากทางฝ่ายผู้เสียชีวิตเคยขู่ว่าจะทำร้าย จึงได้มีการชิงลงมือทำก่อน แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมองว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นร่วมด้วย หลังจากนี้จะมีการขยายเพิ่มเติมว่ามีปมสาเหตุอย่างอื่นอีกหรือไม่
สำหรับตัวของผู้ก่อเหตุ ซึ่งถ้าหากดูภาพจากกล้องวงจรปิดค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืน เพราะยิงเข้าจุดตายเกือบทุกนัด ประเด็นนี้ตำรวจก็ได้มีการสอบปากคำซึ่งผู้ก่อเหตุบอกว่า เคยมีการไปซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืน จึงทำให้มีความเชี่ยวชาญพอสมควรในการใช้อาวุธปืน ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซื้อมาจากเฟซบุ๊กในราคา 38,000 บาท ได้หลายปีแล้ว ก่อเหตุได้นำปืนไปทิ้ง อยู่ระหว่างสอบสวนติดตามปืนของกลาง
ส่วนประเด็นที่มีการเข้าไปเซลฟี่ในโต๊ะสนุกเกอร์เพราะแค่เข้าไปดูว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในนั้นหรือไม่ เพื่อเป็นการไปดูเป้าหมายว่าได้เข้ามาถึงหรือยัง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจากการสอบปากคำ การสืบสวนหาพยานหลักฐาน เบื้องต้นไม่พบว่ามีสาเหตุอื่นนอกจากความแค้นส่วนตัว และไม่พบด้วยว่ามีประเด็นเรื่องของการจ้างวานฆ่า
Advertisement