แม่พาลูกสาว เด็กหญิง วัย 13 ขวบ ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังลูกสาวไปเที่ยวงานวัด กลับถูกเจ้าอาวาสวัดดัง ล่อลวงไปซื้อบริการ ในราคา 1,500 บาท บังคับให้ร่วมหลับนอนกับเด็กสาววัย 18 ปี อีก 1 คน ในลักษณะสวิงกิ้ง โดยข่มขู่หากไม่ยอมจะไม่ให้เข้ามาทำบุญในวัดอีก
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้ปกครองพา เด็กหญิง อายุ 13 ปี และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หญิงสาวผู้เสียหายที่ถูกเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ชักชวนชื่อบริการทางเพศจำนวนหลายครั้ง พร้อมกับข่มขู่หากไม่ยินยอมจะไม่ให้เข้ามาที่วัด
น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนเองมีแฟนหนุ่ม ที่เป็นลูกศิษย์ของพระและพักอาศัยอยู่ที่วัด จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวได้มาข่มขู่แฟนหนุ่มของตนเอง หากต้องการจะอยู่ที่วัดและไม่อยากถูกทำร้ายร่างกายให้นำตนเองมาขายบริการให้กับเจ้าอาวาส ในราคา 1,500 บาท ทำให้ตนเองต้องยอมให้เจ้าอาวาสล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งครั้งแรกๆ ยังมีการจ่ายเงินในราคา 1,500 บาท แต่บางครั้งไม่ได้ให้เงิน อ้างค่อยมาเอาทีหลังในะระยะเวลา 2 ปี ตนเองมีอะไรกับทางเจ้าอาวาส 3-4 ครั้ง ในช่วงปี 2566 หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อหรือเข้าไปภายในวัด
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 ตนเองได้พา เด็กหญิง อายุ 13 ปี เข้าไปเดินเที่ยวไปในวัด ทำให้ทางเจ้าอาวาสรายดังกล่าวเห็น และเกิดความพอใจในตัวเด็กหญิง ก่อนจะติดต่อตนว่าอยากจะได้ และพยายามให้ตนติดต่อให้มามีอะไรด้วย พร้อมกับข่มขู่ว่าหากไม่ทำตามจะไม่ให้พักอาศัยอยู่ภายในวัด พร้อมกับเสนอเงินให้ 1,500 บาท แลกกับการขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย จนกระทั่งตนต้องยอมพาเด็กหญิง เข้าไปหาเจ้าอาวาสในกุฎิ ก่อนที่เจ้าอาวาสได้บอกให้ตนเองและเด็กหญิงถอดเสื้อผ้า ก่อนที่จะบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ลักษณะสวิงกิ้งร่วมกัน
ทุกครั้งที่อยู่ภายในห้องและมีอะไรกัน ภายในห้องจะมีกล้องวงจรปิดซึ่งไม่มั่นใจว่ามีการบันทึกภาพในช่วงจังหวะที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยหรือไม่ แต่มีข้อมูลว่าทางจังหวัดดังกล่าวมีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปเปิดเผยกับทางกลุ่มพระด้วยกัน ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ยอมรับว่าทางเจ้าอาวาสรายดังกล่าวไม่ยอมป้องกัน และไม่ใส่ถุงยางอนามัย และทุกครั้งที่น่ากังวลคือ เวลาตนเองเดินทางเข้าไปหาในวัดจะมีลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสในการยืนคุมอยู่บริเวณด้านหน้าคล้ายดูต้นทางด้วยทุกครั้ง
ด้าน เด็กหญิง วัย 13 ปี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองได้ไปเที่ยวกับเพื่อนรุ่นพี่ ก่อนที่จะมีการเดินเข้าไปภายในกุฎิของเจ้าอาวาส และมีการนำเสนอเงินพร้อมกับข่มขู่ หากไม่ยินยอมจะไม่ให้เข้าไปเที่ยวในวัด และเจอกับเพื่อนชายที่ตนเองชอบ ด้วยความที่ตนเองรู้สึกกลัวเลยหลงเชื่อและยอมทำตาม จนกระทั่งถูกเจ้าอาวาสล่วงละเมิดทางเพศครั้งแรกในวันนั้น จนกระทั้งวันที่ 28 ก.พ. 2568 ทางเจ้าอาวาสได้มีการทักแชทมาหาตนเองอีกครั้งและบังคับให้ตนเองเข้าไปหาภายในกุฎิ และขอมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง ตนเองจึงต้องยินยอมเพราะถูกข่มขู่ลักษณะคล้ายแบบเดิม สุดท้ายเมื่อตนเองยิมยอมทางเจ้าอาวาสกลับไม่ยอมให้เงินตามที่สัญญาไว้ และทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เจ้าอาวาสจะไม่ใส่ถุงยางอนามัยแต่อย่างใด
กระทั่งเวลาผ่านไปตนเองพยายามปิดเรื่องดังกล่าวไว้แต่กลับมีคนรอบข้างรู้เรื่อง ก่อนที่จะนำมาล้อเลียนตนเอง จนเรื่องดังกล่าวรู้ไปถึงครอบครัว แม่และพ่อมาถาม ทำให้ทางครอบครัวรับไม่ได้จึงมีการเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ศรีราชา แต่ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตำหนิ หาว่าแม่ดูแลลูกไม่ดีก่อนที่จะให้ทางคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย ทางครอบครัวจึงยอมไม่ได้มีการเข้ามาร้องเรียนเพจสายไหมต้องรอด
ด้านแฟนหนุ่มของผู้เสียหาย อายุ 18 ปี ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ร่วมมือกับพระรูปดังกล่าว แต่ที่ต้องยอมเพราะถูกข่มขู่จากพระรูปนี้และลูกศิษย์ว่าหากไม่ยอมจะรุมทำร้ายหรือรุมกระทืบและไม่ให้มาทำงานที่วัดอีกจึงต้องจำใจ
ทั้งนี้ที่ผ่านมารับรู้พฤติการณ์ของพระรูปดังกล่าวมาโดยตลอดว่า จะทำการเสพเมถุนเสพสังวาสกับผู้ชายที่เป็นลูกศิษย์ด้วยกัน บางครั้งก็ติดต่อแม่เล้าพ่อเล้าให้นำเด็กชายหน้าตาดีมาให้ หรือบางครั้งก็เป็นสาวทอม อีกครั้งยังชอบแบบสังวาสเสพเมถุนกับลูกศิษย์หน้าตาดีภายในวัด บางครั้งก็เป็นเซ็กส์หมู่ นอกจากนี้พระรูปดังกล่าวยังให้เขาวิ่งไปรับยาเสพติดประเภทเคตามีนบ่อยครั้งโดยให้ค่าจ้าง
นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจากลูกศิษย์วัดด้วยกันว่า พระรูปดังกล่าวมีน้องชายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในช่วงแรกตนเองยังไม่เชื่อ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จะมีตำรวจมาตรวจสอบภายในวัดและจับพระรูปดังกล่าวมาตรวจสารเสพติด แต่ก็ไม่พบ เพราะมีคนบอกพระรูปดังกล่าวให้รู้ตัวก่อนจึงหยุดเสพจนตรวจไม่พบ
ด้านมารดาของน้องผู้เสียหายอายุ 13 ปี เปิดเผยว่า มาทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังลูกสาวมาปรึกษาว่าถูกเพื่อนที่วัดล้อ เรื่องซักไซ้ไล่เรียงจนทราบว่าถูกพระผู้แต่งกายล่วงละเมิด ยอมรับว่าขณะนั้นตกใจมากและรู้สึกเสียใจว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวเอง ส่วนหนึ่งมาจากที่ตนเองทำงานและไม่ได้ดูแลลูก
ทั้งนี้หลังทราบเรื่องได้รีบพาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.ศรีราชา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับตำหนิที่ตนเองมาแจ้งความช้า และยังแนะนำให้เจรจากับพระที่ก่อเหตุทั้งที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และทำการสอบปากคำในเบื้องต้น แต่กลับไม่มีการสอบปากคำอย่างเป็นทางการกับสหวิชาชีพ จนเวลาล่วงเลยมา ยืนยันว่า คดีนี้ตนเองจะไม่ยอมความกับพระรูปดังกล่าวอย่างเด็ดขาดและขอให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด
Advertisement