ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.อารีย์ยา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ท้องแรกไปคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ ที่ รพ.ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้ลูกสาวน้ำหนัก 3,100 กรัม หลังจากคลอดเด็กมีอาการตัวเหลืองและหัวใจเต้นผิดปกติ หมอจึงให้อยู่ในตู้อบที่ รพ. ส่วนแม่อนุญาตให้กลับบ้าน แต่ให้แม่มาให้นมลูกที่ รพ.ตลอด ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค.67 หมอแจ้งว่าลูกที่คลอดอายุได้ราว 10 วันไหปลาร้าข้างขวาหัก สร้างความงุนงงให้กับพ่อและแม่เป็นอย่างมาก เพราะหลังคลอดลูกอยู่ รพ.ตลอด จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค.67 หมอแจ้งอีกว่าลูกติดเชื้อขั้นรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด ก็ยิ่งสร้างความคาใจให้กับครอบครัวมากขึ้น
จากนั้นช่วงบ่ายวันที่ 4 ธ.ค.67 ทาง รพ.ได้ชี้แจงกับญาติถึงสาเหตุที่ทารกไหปลาร้าหักว่า เกิดจากการใช้เครื่องมือช่วยทำคลอด เนื่องจากปากมดลูกเปิดไม่สุดและเด็กตัวใหญ่ไม่สามารถคลอดเองได้ ทาง รพ.จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยดูดเด็กออก ส่วนที่แจ้งญาติช้าว่าเด็กไหปลาร้าหัก เพราะเอกซเรย์ครั้งแรกไม่เห็นไม่ชัดเจน กระทั่งเด็กมีอาการผิดปกติตัวเหลือง หายใจเต้นผิดจังหวะ จึงเอกซเรย์ครั้งที่สองถึงเห็นว่าไหปลาร้าของเด็กหัก กรณีที่เกิดขึ้นทาง รพ.ก็จะทำการรักษาเด็กอย่างเต็มที่
แต่ล่าสุดวันนี้ (6 ธ.ค.67) ทาง รพ.ได้แจ้งให้พ่อแม่และญาติมาฟังอาการของทารกน้อย ซึ่งรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตอีกครั้ง แต่ทันทีที่หมอแจ้งว่าเด็กมีอาการไตวาย ปัสสาวะไม่ออก หัวใจเต้นช้าลงโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ต่างก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจเพราะทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะนางเพ็ชร ผู้เป็นย่า ซึ่งดูแลหลานตั้งแต่วันที่คลอดร้องไห้แทบขาดใจ ทั้งนี้หมอยังให้ญาติตัดสินใจว่าหากเด็กมีภาวะไม่ตอบสนองจะให้ทำซีพีอาร์หรือไม่ แต่เมื่อพ่อแม่และญาติเห็นสภาพของน้อง ที่ใส่ทั้งท่อช่วยหายใจ ตามตัว แขน ขา และเท้าเริ่มมีสีคล้ำแล้ว ก็ไม่อยากให้หมอต้องปั๊มหัวใจให้น้องต้องเจ็บปวดทรมานอีก ก็ให้น้องหมดไปตามธรรมชาติเอง แม้จะไม่มีใครทำใจได้ แต่ก็ไม่อยากให้เจ็บปวดอีก
น.ส.พสุธา อาของทารก บอกว่า หลังจากหมอแจ้งว่าหลานมีอาการไตวาย ปัสสาวะไม่ออก หัวใจเต้นช้าลง โอกาสรอดชีวิตน้อย ครอบครัวก็ไม่มีใครทำใจได้ เพราะตอนคลอดออกมาแรกๆ หลานก็แข็งแรงปกติดี กระทั่งวันที่ 2 ธ.ค.ถึงมาแจ้งมาไหปลาร้าหัก และวันต่อมาก็บอกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด และมาวันนี้ก็บอกว่าอาการทรุดหนักอาจจะไม่รอด ทั้งที่แจ้งว่าจะรักษาอย่างเต็มที่ ทำให้ทางครอบครัวทำใจทำไม่ได้ และยังรู้สึกคาใจ เกี่ยวกับสาเหตุที่หลานไหปลาร้าหัก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่ตั้งแต่คลอดจนถึงวันนี้ 14 วันแล้วหลานก็อยู่ รพ.ตลอด จึงอยากให้ทาง รพ.ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งสาเหตุที่ไหปลาร้าหัก และติดเชื้อ เป็นลายลักษณ์อักษร และหากหลานเป็นอะไรไปจริงก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะที่ทาง รพ.ตอนแรกจะนัดชี้แจงวันนี้ แต่ได้ขอเลื่อนการชี้แจงออกไปก่อน เพราะต้องรอการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร และการจัดทำเอกสารต่างๆ ด้วย
Advertisement