เมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 เวลา 12.30 น. ตำรวจ สภ.บางเเก้ว นำตัวนายประยูร โหงอ่ำ หัวหน้าวินจักรยานยนต์ฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซี หลังวัดหนามเเดง ตำบลบางเเก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ
โดยแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ เเละยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร มาที่ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนสั้น ชนิด .38 ซูเปอร์ โคลท์
โดย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งนายประยูร รับสารภาพว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุจริง เเต่อ้างว่าอีกฝ่ายเริ่มยิงก่อน สาเหตุมาจากปัญหาความขัดเเย้งระหว่างวิน ที่มีการรับผู้โดยสารข้ามพื้นที่กัน
เบื้องต้นสั่งการให้ตำรวจท้องที่ ให้วางมาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เเละตรวจสอบประวัติบุคคลทั้งสองกลุ่ม ว่าเคยก่อเหตุคดีใดมาก่อนหรือไม่ สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนประจำกาย ที่สามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตเเละร่างกาย ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน เร่งนำปืนเเละปลอกกระสุน ไปตรวจเปรียบเทียบที่กองพิสูจน์หลักฐาน
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธนายุตม์ ได้นำตัวนายประยูร หัวหน้าวินจักรยานยนต์ฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซี ไปทำเเผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยนายประยูรอ้างว่า ในวันเกิดเหตุ นายสมเจต ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าห้างฯ ซึ่งอยู่ตรงข้ามวินของตน เกรงว่าจะมีการรับผู้โดยสาร ตนจึงเดินไปตักเตือนว่าให้ขยับรถไปจอดที่อื่น เเต่นายสมเจตเเสดงความไม่พอใจ เเละวิ่งกลับไปหยิบอาวุธปืนมา ซึ่งจังหวะนั้นมีลูกวินของตนคนหนึ่งเข้าไปเเย่งปืน เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน
เเต่นายสมเจตมีการยิงขึ้น 1 นัด ตนจึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้ ซึ่งปืนของตนมีกระสุน 7 นัด ยิงจนหมดเเม็ก จากนั้นก็หลบหนีเพราะความตกใจ โดยที่ไม่ทราบว่ายิงโดนหรือไม่
สำหรับอาวุธปืนนั้น ตนมีการพกติดตัว โดยเหน็บไว้ที่เอว เพื่อปกป้องทรัพย์สิน เเละดูเเลความปลอดภัยของชุมชน เพราะตนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้มีเจตนาพกไว้ทำร้ายใคร ซึ่งตนกับผู้ก่อเหตุก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาตนจะเรียกคู่กรณีว่า "พี่เจต" ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เเต่ช่วงหลังมีปัญหากันเรื่องวิน
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำเเผน ว่าหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจ สภ.บางเเก้ว ดำเนินการฝากขังต่อไป เเม้ผู้ก่อเหตุจะพยายามอ้างว่ามีการพกพาอาวุธปืน เพื่อป้องกันชีวิตเเละทรัพย์สิน เนื่องจากดำรงตำเเหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เเต่ดูจากพฤติกรรมเเล้ว ไม่ได้เป็นการปกป้องทรัพย์สิน เเละยังไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นหลังจากนี้จะเสนอต่อนายทะเบียน ขอให้ยกเลิกใบอนุญาต
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับบุคคลที่นายประยูรให้ความเคารพนับถือ เเละเป็นคนที่พานายประยูรไปหาตำรวจ เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้จักทั้งสองฝ่าย ทั้งนายประยูร เเละนายสมเจต ซึ่งเมื่อก่อนทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน นายประยูร จะให้เกียรตินายสมเจตมาก ๆ เพราะนายประยูรเป็นรุ่นน้อง อายุ 47 ปี ส่วนนายสมเจตอายุ 55 ปี
กระทั่งช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา นายประยูรกับนายสมเจต ช่วยนักการเมืองหาเสียงคนละฝั่ง จึงทำให้เริ่มระหองระแหงกัน เเละหลังจากมาตั้งวิน ก็มีปัญหากันเรื่องค่าบริการ และเรื่องรับผู้โดยสารอีก เเต่ตนก็ไม่คาดคิดว่าจะถึงขั้นยิงกัน หลังจากเกิดเรื่องตนก็ไม่เห็นนายประยูรอีกเลย จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประยูรมาหาตนที่บ้าน ให้พาไปมอบตัว โดยบอกว่าตนเป็นเพียงคนเดียวที่นายประยูรไว้ใจ ตนจึงประสาน ผกก.สภ.บางเเก้ว เเล้วพานายประยูรไปหารองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 1 เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการสอบถามนายประยูร ได้เล่าว่าหลังเกิดเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านเเม่ยาย ที่จังหวัดลพบุรี เเต่เเม่ยายไม่ยอมให้นอนด้วย เพราะตอนนั้นเริ่มเป็นข่าวเเล้ว เกรงว่าจะมีความผิดฐานให้ที่หลบซ่อน
นายประยูรจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปที่วัดเเห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไปหาหลวงพ่อที่นายประยูรนับถือ เเล้วนอนที่วัด 1 คืน จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นั่งรถประจำทางกลับมาที่จังหวัดสมุทรปราการ เเล้วรุ่งเช้าจึงติดต่อมาหาตนให้พาไปหาตำรวจ
Advertisement