กรณีเพจเฟซบุ๊ก “จึงจริง jung jing” ลงเรื่องราว พร้อมสภาพรถที่เสียหาย ระบุว่า "ล่า! หนุ่มทะเลาะเมีย ไม่มีที่ระบาย ซิ่งดีแม็กชนรถชาวบ้านที่จอดอยู่ย่านเมืองนนทบุรีพังยับ ก่อนบึ่งหนีหน้าตาเฉย สำหรับรถที่ก่อเหตุ ทราบทะเบียนคือ ***ฒอ 5275 รถกะบะ" โดยผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว หากใครพบเห็นรถเบาะแสดังกล่าว สามารถให้ข้อมูลได้ที่ สภ.ปากเกร็ด
ล่าสุดวันที่ 1 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปเจอกับนายพลวัฒน์ จันทร์ดำ หรือบ่าว อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของรถทะเบียน ญฮ 5452 กรุงเทพ พาทีมข่าวไปชี้จุดเกิดเหตุ โดยพบว่าช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เวลา 20.50 น. ได้จอดรถเอาไว้บริเวณด้านหน้าหอพัก จากนั้นได้ยินเสียงรถชนเสียงดัง ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่นอน พูดคุยกับแฟนสาวว่า เสียงรถชนกันดังมาก เหมือนอุบัติเหตุรุนแรง จากนั้นเจ้าของหอพักวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้อง ก็ทราบทันทีว่า รถของตัวเองถูกชนเสียหาย
หลังจากที่ลงมาถึงรถ พบว่าถูกชนเคลื่อนจากจุดจอดเดิม ขยับไปฟาดกับเสาโรงรถด้านหน้าและเสาไฟฟ้า ห่างจากจุดจอดเดิมประมาณ 2-3 เมตร โดยรถของตนเองฝั่งขวายุบไปเกือบครึ่งคัน ส่วนฝั่งซ้ายด้านประตูผู้โดยสาร เป็นรอบยุบ ไม่รู้ว่ารถคันไหนพุ่งชน มีเพียงชาวบ้านที่เริ่มออกมามุงดูกันจำนวนมาก ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ ตนจึงทราบว่าคนก่อเหตุขับรถกระบะ ลักษณะมึนเมา ชนแล้วขับหนีมุ่งหน้าไปทางบางกระดี่
ทั้งนี้เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ตนได้ยืนคุยกับแม่ยาย และภรรยาของคนก่อเหตุ บอกว่า ทุกคนในครอบครัวพยายามห้ามแล้ว แต่นายเบนซ์ หรือ นายคมกริช ขุนณรงค์ อายุ 24 ปี คนก่อเหตุไม่ยอมฟัง ตัดสินใจขับรถออกมาจากซอยด้วยความเร็ว พุ่งชนรถของตนแล้วขับหลบหนีไปดังกล่าว
ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกโกรธที่คู่กรณีไม่ยอมลงมาดู แต่กลับขับรถหลบหนีต่อไป แล้วไปก่อเหตุชนหมาตาย ซึ่งโชคดีถ้าหากรถของนายเบนซ์ ไม่ประสบอุบัติเหตุก่อน ก็คงจะไปก่อเหตุชนคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตก็ได้
จากนั้น ทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของรถนายเบนซ์ โดยเริ่มต้นจากจุดแรกที่มีการขับรถเฉี่ยวชนรถเก๋งของนายพลวัฒน์ ผู้เสียหาย กล้องตัวที่ 1 เผยให้เห็นวินาทีชนรถเก๋ง ที่จอดอยู่หน้าหอพัก กล้องตัวที่ 2 เป็นวินาทีขับออกจากซอย มุ่งหน้าไปยูเทิร์นที่หน้าวัด และกล้องตัวที่ 3 เป็นวินาทีขับด้วยความเร็วในเลนขวาสุด บนถนนนนทบุรี มุ่งหน้าบางกระดี่
น.ส.เปิ้ล (นามสมมติ) แฟนสาวของนายเบนซ์ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนคืนวันเกิดเหตุ ตนและกลุ่มเพื่อนที่ร่วมงานด้วยกันได้พากันซื้อเหล้ามานั่งดื่มที่บ้านของตัวเอง จากนั้นช่วงหัวค่ำได้มีการเลิกลา ต่างคนต่างแยกย้าย เพราะเริ่มอยู่ในอาการเหมือนเมา ตนจึงบอกนายเบนซ์ “เมาแล้ว ไม่ต้องกลับ ให้นอนที่บ้าน” ซึ่งปกติตนกับนายเบนซ์ และลูกชายวัย 3 ขวบ จะไปอยู่ที่บ้านอีกหลัง ซึ่งเป็นบ้านของนายเบนซ์ แต่เพราะด้วยเมื่อคืนนายเบนซ์อยู่ในอาการมึนเมา ตนจึงไม่อยากให้ขับรถ เพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงได้ยึดกุญแจรถไว้ แล้วไล่ให้เข้าไปนอน
จากนั้น นายเบนซ์ก็เริ่มโวยวาย ไม่พอใจและอยากจะกลับบ้าน ตนจึงได้บอกให้กลุ่มเพื่อนที่นั่งดื่มสังสรรค์ด้วยกัน แต่มีบางคนที่ไม่เมา ขับรถพาไปส่ง แต่เจ้าตัวโวยวายไม่พอใจ ไม่ยอมให้ใครมายุ่ง แต่ต้องการจะขับรถเอง กระทั่งนายเบนซ์ ตัดสินใจหาอุปกรณ์ไปงัดประตูรถหวังจะขับกลับบ้าน และนายเบนซ์ก็ได้มากระชากกุญแจรถ พร้อมกับขับออกไปด้วยความเร็ว
ทั้งนี้ตนได้รับประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่านายเบนซ์ขับรถชนเก๋งคนอื่นได้รับความเสียหาย จากนั้นขับไปเฉี่ยวชนจนมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและมีหมาตาย ก่อนที่จะขับรถไปประสบอุบัติเหตุ แล้วถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล จึงถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก สภ. ปากคลองรังสิต
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนในฐานะแฟนสาวก็ได้แต่ฝากขอโทษผู้เสียหาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชดใช้อย่างไร เพราะตนก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกฝ่ายพ่อแม่ของนายเบนซ์ ต่อว่าและด่าทอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่าก็เสียความรู้สึกเหมือนกัน
แต่ในคืนวันเกิดเหตุ ฝ่ายนายเบนซ์ไม่ได้ตั้งใจมาง้อหรือขอคืนดี แต่เป็นเพราะว่ามีปากเสียงที่เจ้าตัวต้องการกลับบ้านเท่านั้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะนายเบนซ์ขับรถด้วยความเร็วและอยู่ในอากาศมึนเมา
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังได้ตรวจสอบไปยังโรงพัก สภ. ปากคลองรังสิต ได้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเบนซ์เอาไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมผู้เสียหาย พร้อมทั้งสอบพยานบุคคล ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นสูญเสียทรัพย์ และได้รับอันตราย ขณะนี้แจ้งข้อกล่าวหาไป 1 ข้อหา คือ เมาแล้วขับ
Advertisement