กรณีพระสงฆ์จาก จ.เชียงราย เดินทางมาพบครอบครัวน้องชมพู่ ที่จ.มุกดาหาร พร้อมกับอ้างนิมิตว่า เด็กเดินตามเสียงไสไม้ขึ้นเขา และในมือได้ถือรถแบ็กโฮ จากนั้นเหยียบสายไฟจนถูกไฟดูดเสียชีวิต ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุดวันที่ 21 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาสอบถาม น้องแจน (นามสมมติ) พี่สาวน้องชมพู่ เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงก่อนน้องจะหายตัวไป ตนกำลังนอนเล่นเฟซบุ๊กอยู่ที่แคร่ ส่วนน้องก็ดูยูทูบ ซึ่งน้องสามารถกดเองได้ เลือกคลิปเองได้ และน้องก็ขอไปเล่นหน้าบ้านน้าต่าย และเดินไปเล่น ตนยืนยันว่าช่วงน้องหายคือช่วงที่ตนหลับ ตนไม่ได้เล่นมือถือแล้ว จากนั้นตื่นมาน้องชมพู่ก็หายตัว
ส่วนของกินตรงจุดที่น้องชมพู่หายตัวไป ไม่เห็นมีอะไร น้ำส้มที่ตนซื้อให้ก็วางอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน น้องไม่ได้หยิบไปด้วย ปกติหากคนแปลกหน้าเอาของเล่น เอาของกินมาให้ ชมพู่จะไม่เอาของคนอื่น จะเรียกให้ตนไปหยิบให้ ชมพู่ไม่เคยร้องเอาของเล่น
ส่วนรถของเล่นของอชิ ตนไม่ทันสังเกตว่าน้องชมพู่หยิบไปเล่นด้วยหรือไม่ แต่ปกติชมพู่ชอบเล่นตักดิน ก็ใช้ของเล่นที่มีอยู่เล่นทั่วไป วันนั้นตนยืนยันว่าไม่เห็นใครเข้ามาในชุมชน จะมีแค่เด็กที่เล่นตรงต้นจำปาเท่านั้น หากมีคนก็คงต้องมีคนเห็น แต่ไม่รู้ทำไมเด็ก ๆ ที่เล่นถึงไม่เห็น ทั้งนี้ชมพู่เคยไปเล่นที่บ้านนายแอ๋ม แต่จะเล่นอยู่แถว ๆ บ้านเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในบ้าน
สำหรับเรื่องขึ้นภู ตนยืนยันว่าน้องชมพู่ไปเองไม่ได้ หากใครคิดว่าเดินได้ ขอให้ไปลองเดินดู ส่วนหลายคนสงสัยว่าทำไมช่วงน้องหายตนถึงหลับ เนื่องจากยังเช้า ตนก็เพิ่งตื่น อยากชี้แจงว่าวันที่เกิดเหตุตนตื่นช่วง 06.00 น. โดยคืนวันที่ 10 พ.ค.63 ตนหลับช่วง 21.00 น.
ส่วนชมพู่ตื่นตั้งแต่ก่อน 06.00 น. แล้ว และก็ออกไปเดินเล่นตามถนน ตามคำให้การของยายจำลองจริง ซึ่งชมพู่จะวิ่งเองได้ และวิ่งอยู่จริงในวันที่ 11 พ.ค.63
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านกกออก จ.มุกดาหาร เดินทางมาพบ ลุงแต (สงวนชื่อนามสกุล) เจ้าของร้านชำที่น้องชมพู่มาซื้อของบ่อยที่สุด เปิดเผยว่า ปกติตนเปิดร้าน ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. และจะปิดช่วง 20.00 น. ซึ่งเท่าที่จำได้ไม่เห็นมีใครมาซื้อน้ำแดง หรือมีคนแปลกหน้ามาซื้อของ ส่วนใหญ่คนที่มาซื้อก็มีแต่คนในหมู่บ้าน
ส่วนน้องชมพู่ มักมาซื้อของที่ร้านตนบ่อยจริง เพราะว่าร้านตนอยู่ใกล้บ้านน้องที่สุด ซึ่งตอนก่อนเกิดเหตุก็ไม่ค่อยมีลูกค้ามาที่ร้านมาก ส่วนการค้นหาตนไม่ได้ไปไกลมาก ตนรู้ข่าวว่าน้องหายตัวไป เพราะแม่น้องชมพู่มาถามกับตนที่ร้านในช่วงเวลา 10.15 น. จากนั้นตนก็เดินออกไปตามหาตามแนวเชิงเขา ไม่ได้ขึ้นไปบนเขาสูง โดยส่วนใหญ่ไปไม่ไกลจากบ้านนัก
หลังจากนั้นตนก็กลับมาพักที่บ้านน้องชมพู่ ออกไปตามหาเรื่อย ๆ ตามที่หมอธรรมบอก ใครบอกไปทางไหนตนก็ไป กระทั่งเวลา 17.00-18.00 น. ตนถึงกลับมาที่บ้าน ซึ่งตนก็ออกไปช่วยหาทุกวัน
ทีมข่าวเดินทางมาดูร้านค้าในชุมชน ซึ่งมี 3 ร้าน เพื่อสอบถามข้อมูลวันที่ 11 พ.ค.63 โดยทั้ง 3 ร้านระบุว่าไม่เห็นใครเข้ามาซื้อน้ำหวานช่วงเช้า นางสร้อย (นามสมมติ) หนึ่งในเจ้าของร้านค้า เปิดเผยว่า ร้านตนเปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น. ก็ไม่เห็นมีใครมาซื้อของอะไรที่ร้านตน จะมีก็แค่เด็ก ๆ แต่จำไม่ได้ว่ามีใครมาซื้อน้ำหวานบ้าง เท่าที่จำได้ไม่มีคนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม น้องชมพู่เคยเดินมาที่ร้านของตน โดยมากับพี่สาว จะมาก็เพียงร้านอื่นปิด ซึ่งตนยืนยันว่าไม่มีคนแปลกหน้ามาซื้อที่ร้านตน
ทีมข่าวเดินทางมาพบ ป้าวัน (นามสมมติ) เจ้าของร้านชำอีกร้าน เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ตนจำไม่ได้ว่ามีคนแปลกหน้ามาซื้อของหรือไม่ เท่าที่จำได้น่าจะไม่มี ตนเปิดร้านเวลา 06.00 น. ปกติร้านตนไม่ค่อยมีคนเข้า น้องชมพู่จะมาก็ตอนที่ร้านค้าอีก 2 ร้านไม่มีของที่ต้องการ
ในวันที่ 11 พ.ค.63 หลังจากตนทราบว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตนก็ไปช่วยค้นหาโดยไป 2 รอบ คือช่วงเวลา 12.00 น. และเวลา 14.00 น. โดยไปค้นหาตามหมอดูบอก ซึ่งตนเดินไปไกลสุดแค่ช่วงแท็งก์น้ำหลังสวนยางเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คำให้การของทั้ง 3 ร้าน ปรากฏว่าในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ไม่พบเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาซื้อของที่ร้านแต่อย่างใด
Advertisement