หนุ่มฆ่าป้าอ้างแค้นคลุมถุงชนทวงสินสอด เมียร่ำไห้ 3 ปีบอกไม่รัก ญาติชี้ทรพีอุตส่าห์หาคนดีให้ (คลิป)
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 63 มีคนพบศพนางสมใจ ถามะพันธุ์ อายุ 54 ปี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่ริมตลิ่งลำห้วยโสม บริเวณกระท่อมสวนของนางสมใจ อยู่ภายในหมู่ 3 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 เม.ย. 63) ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้ คือนายประจักษ์ วาโย อายุ 32 ปี มือปืนก่อเหตุที่หลบหนีไป จ.อุบลราชธานี ซึ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่าแค้นใจที่ผู้ตายชอบทวงเงินจำนวน 30,000 บาทที่ขอยืมไปแต่งงาน ด้วยถ้อยกับที่เสียดสี จึงลงมือก่อเหตุยิงด้วยปืนลูกซอง ก่อนจะทิ้งปืน แล้วหลบหนีไป
ล่าสุด วันที่ 28 เม.ย. 63 ตำรวจ สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้คุมตัวนายประจักษ์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา และนำปืนลูกซองไปทิ้ง ก่อนจะหลบหนีไปที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี แถลงว่า นายประจักษ์รับสารภาพว่าใช้ปืนยิงผู้ตายจริง นายประจักษ์ เป็นน้องชายลูกสะใภ้ผู้ตาย มาอยู่กับผู้ตายมาประมาณ 3-4 ปี โดยผู้ตายพาทำสวนผักปลูกถั่วฝักยาวไปขายที่ตลาด นายประจักษ์ ก็จะนอนอยู่ที่กระท่อมในสวนผัก ต่อมาผู้ตายบอกให้นายประจักษ์แต่งงานมีครอบครัว แนะนำให้รู้จักกับนางกรรณิการ์ ศรีแสงส่อง อายุ 25 ปี และแต่งงานกัน แต่นายประจักษ์ขาดเงินค่าสินสอด 30,000 บาท ผู้ตายได้ให้ยืม หลังแต่งงานได้ 2 ปีกว่า ผู้ตายมาทวงเงินคืน แต่นายประจักษ์ยังไม่มีให้ ผู้ตายไม่พอใจ และด่าทอ นายประจักษ์จึงก่อเหตุ
นายประจักษ์บอกว่า อยู่กับภรรยาได้ประมาณ 2 ปีกว่า ไม่อยากอยู่ต่อ เพราะถูกผู้ตายบังคับให้แต่งงานโดยไม่เต็มใจ เคยบอกผู้ตายหลายครั้งว่าไม่อยากอยู่ต่อ ทนไม่ได้อีกแล้ว จึงเกิดความคับแค้นใจด้วยทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านไทยรุ่งเรือง หมู่ 7 ต.นางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี บ้านที่ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่กับภรรยา น.ส.กรรณิการ์ ศรีแสงส่อง อายุ 25 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตนมีโอกาสไปเยี่ยมสามีที่ห้องขัง ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้เล่าถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ เพราะเขาเอาแต่ร้องไห้ และตนมองว่าเขาน่าจะสำนึกผิดแล้ว ซึ่งญาติ ๆ ก็สงสาร ยอมรับว่าตอนนี้ค่อนข้างเครียด เพราะตนต้องเลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 4 เดือนเพียงคนเดียว ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว เพราะต้องขาดเสาหลักครอบครัว ซึ่งตนก็ต้องสู้
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าว่าสามีไปยืมเงินของนางสมใจมาสู่ขอตน ซึ่งตนแต่งงานกับเขาตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 60 ซึ่งเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว เขาก็ไม่เคยปริปากบอก ซึ่งถ้าเขายอมบอก ตนและญาติ ๆ ก็พร้อมจะช่วยเหลือ และคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะจริง ๆ แล้วนางสมใจก็เป็นผู้มีพระคุณของสามี เปรียบเสมือนแม่คนหนึ่ง เพราะนางสมใจเป็นคนมาสู่ขอตนให้นายประจักษ์ ก่อนหน้านี้ช่วงที่พี่สาวของนายประจักษ์ยังคบหากับลูกของนางสมใจอยู่ นายประจักษ์ก็เคยอยู่อาศัยกับครอบครัวนางสมใจ 5-6 ปี ทำงานเก็บผักด้วยกัน
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ตนอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านสามีก็ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง และยืนยันว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
นางประไพ ถามะพันธุ์ อายุ 56 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น และไม่คาดคิดมาก่อน เพราะที่ผ่านมาทั้งนายประจักษ์และนางสมใจก็เป็นมิตรที่ดีต่อกันมาตลอด และนางสมใจก็รักนายประจักษ์มากเหมือนลูกชายแท้ ๆ ส่วนเรื่องหนี้สินที่ทั้ง 2 คนมีต่อกันนั้น ญาติก็เพิ่งมารู้หลังจากนางสมใจตายไปแล้ว
ที่ผ่านมานางสมใจให้การช่วยเหลือนายประจักษ์มาตลอด ให้งาน ให้อาชีพ เป็นแม่บุญธรรม เพราะเห็นว่าเป็นน้องชายของลูกสะใภ้ ซึ่งตอนนี้ตนก็ให้อภัยและอโหสิกรรมกับเขาแล้ว ที่เหลือก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
Advertisement
