จากกรณีตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้าจับกุมนายนพรัตน์ จีนโก๊ว หรือ น๊อต อายุ 32 ปี ชาว ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
โดยเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 63 เวลา 18.00 น. ผู้ต้องหาไปขอทำทีซื้อรถมือสองที่เต็นท์รถของผู้เสียหาย จากนั้นได้แอบหยิบกุญแจรถคันเป้าหมายออกไปด้วย จนกระทั่งคืน วันที่ 19 เม.ย. 63 เวลา 00.30 น. เข้ามาแอบขับออกไปจากเต็นท์รถ ซึ่งเจ้าของเต็นท์ตื่นมากลางดึก จึงได้กระโดดขวางได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด วันที่ 21 เม.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่เต็นท์รถมือสอง ย่านท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นางกรรนิกา รักษาธิกรณ์ หรือ สา อายุ 55 ปี เจ้าของเต็นท์รถ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ มีชายคนหนึ่งแต่งกายดี พูดจาดี เข้ามาขอทำทีติดต่อขอดูรถมือสองในเต็นท์ไปใช้งาน จังหวะที่ผู้ต้องหาต้องการดูรถ ตนก็จะหยิบกุญแจเปิดรถให้ดูทันท
ภายหลังที่มีการเดินดูรถภายในเต็นท์แล้ว ผู้ต้องหาตกลงที่จะซื้อรถเก๋งสีบรอนซ์ จึงได้มานั่งพูดคุยกันที่โต๊ะ ตนเองกับผู้ต้องหานั่งพูดคุยกันจนถึงเวลา 20.00 น. จากนั้นผู้ต้องหาได้ขอแอดไอดีไน์ ตนเองกำลังวุ่นอยู่กับโทรศัพท์ เป็นช่วงที่ผู้ต้องหาเอื้อมมือไปที่กระป๋องเก็บกุญแจรถ แล้วหยิบใส่กระเป๋ากางเกงเดินออกไปด้วยท่าทางปกติ
หลังจากนั้น ช่วงกลางดึก เวลา 00.30 น. ของวันที่ 19 เม.ย. 63 ผู้ต้องหาย้อนกลับมาที่เต็นท์รถ ตนเองได้ยินเสียงหมาเห่า ตกใจตื่นขึ้นมาดู
เห็นผู้ต้องหาพุ่งตรงไปที่รถเก๋งจะขับหลบหนี ตนเองจึงได้รีบตะโกนบอกลูกน้องและคนภายในบ้านว่ามีคนกำลังขโมยรถ แล้วตัดสินใจกระโดดขวางหน้ารถ แต่ผู้ต้องหาเร่งเครื่องหวังจะชน ตนจึงกระโดดจับที่จับประตูฝั่งคนขับ ทำให้ตนเองถูกลากไปกับพื้น จนกระทั่งถึงเสาไฟฟ้า ตนจึงยอมปล่อยรถ
จากนั้น วันรุ่งขึ้นลูกเขยตนชื่อนายสุขสวัสส์จะไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วบังเอิญเจอคนร้ายที่ขโมยรถไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ คนร้ายจึงพยายามขับรถหลบหนี ลูกเขยตนก็ขับรถไล่ตาม และตัดสินใจขับชนเพื่อให้คนร้ายหยุดรถ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะฝากเตือนสำหรับเจ้าของเต็นท์รถอื่นให้ระวัง โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่แต่งกายดี พูดจาดี คนเรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 การขายรถมือสองเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกับเหตุการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้
ด้านนายโอ (นามสมมติ) น้าของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้หลานชายเคยอยู่อาศัยและช่วยเหลืองานพ่อแม่อย่างดี แต่ระยะหลังเริ่มเกเร มีเรื่องยาเสพติด สั่งสอนไม้ได้ หนักสุดถึงขั้นทำร้ายทุบตีพ่อแม่ จึงไม่มีใครสามารถห้ามปรามหรือสั่งสอนได้ ปล่อยให้ไปใช้ชีวิตอยู่ภายนอก บางทีก็ไปกินนอนอยู่บ้านเพื่อน
ภายหลังเกิดเหตุที่เจ้าตัวไปขโมยรถเก๋ง ทำร้ายเจ้าของเต็นท์รถบาดเจ็บ ยอมรับว่าคนในครอบครัว พ่อแม่ค่อนข้างเครียด เพราะไม่คิดว่าจะก่อเหตุได้ขนาดนี้ คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ไม่มีการประกันตัว เพราะที่บ้านก็ไม่ใช่คนมีเงิน หากย้อนกลับไปช่วง1 ปีก่อน ก็เคยก่อเหตุในชุมชน ขโมยรถมอเตอร์ไซค์ไปขาย 9,000 บาท เพื่อนำเงินไปเสพยาเสพติด เพื่อนสนิทจึงแจ้งความจับ ทำให้เจ้าตัวไม่กล้ากลับมาที่ชุมชนอีก
Advertisement