ลอยอังคาร 3 ลูกเรือสุโขทัยกลางทะเล ลูกเผยแชตสุดท้ายพ่อส่งไลน์บอกรักก่อนเรืออับปาง (คลิป)
วันที่ 27 ธ.ค. 65 เวลา 10.00 น. ที่ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ครอบครัวของ 3 ทหารกล้า ประกอบด้วย ว่าที่ เรือเอก สามารถ แก้วผลึก, พันจ่าเอกอัชชา แก้วสุพรรณ์ สังกัด กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ และพันจ่าเอก อำนาจ พิมที สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่เสียชีวิตจากจากเหตุการณ์ เรือรบหลวงสุโขทัยอับปาง ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงดึก วันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ขึ้นเรือหลวงปัตตานีในการทำพิธีดังกล่าว ซึ่งเรือออกจากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ช่วง 10.00 น.ที่ผ่านมา
โดยพิธีลอยอังคาร มีพลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการเป็นประธานในพิธี ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ขอขมาแม่นางเรือ เพื่อนำอัฐิและอังคารลงเรือ ก่อนมีขั้นตอนการไหว้อังคาร และบูชาเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดร จากนั้นลอยอังคารอัฐิ 3 ทหารกล้า เพื่อส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่ภพภูมิที่ดีตามความเชื่อ หลังเสร็จสิ้นพิธีครอบครัวผู้เสียชีวิตก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา โดยยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับความสูญเสีย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้พูดคุยกับนางเเก้วมะนี พิมที ภรรยาของพันจ่าเอกอำนาจ พิมที เล่าว่า วันนี้ได้นำกระดูกของสามีไปลอยอังคาร ขณะที่ทำพิธีตนมีความรู้สึกภูมิใจในตัวของสามีอย่างมาก ที่เขามีความกล้าหาญในอาชีพที่เขารัก แต่ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะยอมรับในการสูญเสียครั้งนี้ได้
ส่วนเรื่องการชดเชยดูแลครอบครัว ทางหน่วยงานก็ยังมีการติดตามอยู่ตลอด ตนเองก็รู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งแต่อย่างใด ในการรับผิดชอบต่อการสูญเสียในครั้งนี้ แต่ก็เข้าใจว่าตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการต่าง ๆ
ขณะที่ลูกชายอีก 2 คน ก็มีการวางแผนสานต่องานตามรอยอาชีพของพ่อเขาต่อไป เพราะลูกชายทั้ง 2 คน ก็ยืนยันว่าจะตามรอยของพ่อ ซึ่งพ่ออยากให้เป็นทหารเรือก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับว่าที่เรือตรี ภาสกร พิมที อายุ 24 ปี ทหารอาสา สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของพันจ่าเอก อำนาจ พิมที สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เรือรบหลวงสุโขทัย ประสบอุบัติเหตุพายุพัดอับปาง ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงดึก วันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยบอกว่าตนเองรู้สึกดีใจที่พ่อของตนได้ทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายในฐานะทหารเรืออย่างเต็มที่ ซึ่งพ่อเป็นทหารเรือมานาน 47 ปี พ่อไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย แต่เป็นคนที่เต็มที่กับงานและเป็นคนเสียสละ ซึ่งเมื่อเช้าที่ทางครอบครัวได้ประกอบพิธีลอยอังคารอัฐิ 3 ทหารเรือ ถือว่าได้ทำเพื่อพ่อและส่งพ่อเป็นครั้งสุดท้าย
ทางครอบครัวยังคงโศกเศร้า แต่ไม่มีใครร้องไห้ เพราะทุกคนรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้คนในครอบครัวร้องไห้ เพราะเป็นการแสดงความอ่อนแอ พ่อชอบบอกคนในครอบครัวให้เข้มแข็งเสมอ ทำให้วานนี้ในงานพิธีพระราชทานเพลิงศพรวมทั้งพิธีลอยอังคารจึงไม่มีคนในครอบครัวที่ร้องไห้
ส่วนสภาพจิตใจแม่ยอมรับว่ายังคงย่ำแย่ เพราะสูญเสียสามีที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาอย่างกะทันหัน ซึ่งในวันเกิดเหตุแม่คงยังช็อกที่คุยโทรศัพท์กับพ่อก่อนเรืออับปาง ซึ่งตอนนั้นพ่อโทรมาบอกแม่ว่าเรือเอียงกำลังอับปาง จากนั้นสัญญาณก็หายไป
ต่อมาพ่อแชตมาบอกแม่ว่า “ป๋ารักแม่และลูกนะป๋าจะกลับมาหา“ พร้อมส่งรูปขณะสวมห่วงยางก่อนที่จะทักมาบอกอีกว่า “กำลังจม” ต้องใช้เวลาอีกสักพักสภาพจิตใจแม่ถึงดีขึ้น
Advertisement
