หนุ่มพ้นคุกชีวิตเปลี่ยนเพราะพระองค์ภาฯ ตื้นตันเสด็จมาถึงร้าน ไหว้ท่วมหัวให้หายประชวร (คลิป)

วันที่ 17 ธ.ค. 65 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2565 เวลา 23.30 น. คณะแพทย์ประจำพระองค์ ได้ถวายการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ตามวาระปรกติ ผลการตรวจพบว่า ทรงติดเชื้อ มีพระอาการน้อยมาก พระอาการโดยรวมไม่รุนแรง คณะแพทย์ ฯ ถวายการรักษาด้วยพระโอสถ และขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกรณียกิจสักระยะหนึ่ง จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 17 ธันวาคม พ.ศ.2565

ขณะที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย บรรยากาศการลงนามถวายพระพรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 09.40 น. ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เดินทางมาเยี่ยมพระอาการประชวรของ “พระองค์ภา” ที่ยังประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ต่อมาเมื่อเวลา 10.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถวายแจกันดอกไม้ และลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ว

โดยบรรยากาศที่บริเวณชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และพื้นที่ด้านหน้า ประชาชนทั่วไปและข้าราชการภาครัฐ ต่างทยอยมาร่วมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางคณะที่ร่วมลงนามถวายพระพรได้ทูลกระทูลกระหม่อมถวายแจกันดอกไม้เพื่อถวายพระพรขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว โดยประชาชนที่มาปักหลักนั่งรอถือรูปพระบรมฉายาลักษณ์มาด้วย

ขณะเดียวกันในเวลา 13.10 น. น.ส.วราภรณ์ สร้อยเสน หรือ น้องหมิว บัณฑิตจิ๋ว อายุ 26 ปี ชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภาฯ พร้อมครอบครัว ที่บริเวณชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 

ซึ่งทางครอบครัวได้ถือกรอบรูปที่น้องหมิวเป็นบัณฑิตใหม่ และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภาฯ ในปี 2565 ในรูปสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภาฯ เสด็จยืนและทรงโน้มพระวรกายพระราชทานปริญญาบัตร ให้น้องหมิว

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับน้องหมิว เล่าว่า วันนี้ตนทราบอาการพระประชวรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภาฯ จึงอยากลงนามถวายพระพร ตอนแรกตั้งใจจะลงนามถวายพระพรผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งวันนี้ไม่ได้มาคนเดียวแต่มาทั้งครอบครัว โดยรูปที่ตนรับปริญญาจากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภาฯ เป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งเข้ารับพระราชทานพระปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร วันที่ 21 กันยายน 2565 ซึ่งตอนนั้นตนใส่ชุดครุยวิทยฐานะ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กำลังจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เศรษฐศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 จากสาขาวิชาเศรษฐศาตร์ คณะวิทยาการจัดการ

ส่วนความรู้สึกในวันที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์ทรงโน้มพระวรกายลงมาหาตนอย่างมากที่สุด เพื่อให้ตนได้รับพระราชทานปริญญาบัตร แล้วพระองค์ทรงบอกตนว่าให้เดินเข้ามารับได้เลย ถือเป็นความฝันของตนตั้งแต่เด็กว่าจะได้เข้ารับปริญญาบัตร ซึ่งผู้ใหญ่ทุกคนอยากให้ตนได้ภาพสวย ๆ จึงลองทุกวิถีทางให้นั่งรถเข็นแต่เมื่อไปรายงานพระองค์ พระองค์ตรัสว่า ทรงทราบแล้วและอนุญาตให้ตนเดินเข้าไปรับเองได้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อตน หลังตนเรียนจบตนตั้งใจทำงานประกอบอาชีพ โดยตอนนี้ตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของธนาคารออมสิน สาขาสตึก จ.บุรีรัมย์ อยากให้พระองค์ทรงพระเจริญสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ววัน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นายวีระภาพ กันแก้ว หรือ นนท์ อายุ 44 ปี อดีตผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงรายที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมรับการอบรมในโครงการ "กำลังใจ" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่จะนำนักโทษที่มีความประพฤติดีและใกล้พ้นโทษให้มาเข้ารับการอบรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

นายวีระภาพ เผยว่า ชีวิตหลังได้รับโอกาสในการเข้าอบรมและมีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระองค์ภาฯ ได้ฟังแนวคิดคำสอนของพระองค์ ก็ทำให้เปลี่ยนแนวคิดและชีวิตตนไปอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันหลังพ้นโทษได้หันมาประกอบอาชีพพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว และยึดเอาแนวคำสอนมาใช้ในการดำรงชีวิตจนถึงทุกวันนี้

นายวีระภาพ เผยอีกว่า ตนเคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย และก่อนจะพ้นโทษได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการ "กำลังใจ" ที่จะนำผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีมาร่วมอบรมหลักการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยรุ่นตนเป็นรุ่นที่ 6 มีผู้ร่วมอบรมทั้งหมด 60 คน แต่มีผู้ผ่านโครงการทั้งหมด 58 คน ซึ่งถือเป็นรุ่นที่โชคดีที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระองค์ภาฯ ที่พระตำหนักดอยตุง โดยพระองค์ให้ความเป็นกันเองกับอดีตผู้ต้องขังทั้งหมด สร้างความซาบซึ้งใจต่อตนเองและผู้ร่วมโครงการคนอื่น ๆ มาก

หลังการเข้ารับการอบรมตนก็ได้หลักในการใช้ชีวิต การคบเพื่อนที่ดีความรู้ในการประกอบอาชีพ เวลาที่เราจะมีความคิดที่ทำอะไรที่ไม่ดีก็จะมีคำพูดที่พระองค์เคยพูดเคยสอนเป็นเหมือนสิ่งที่คอยเตือนสติเมื่อเราคิดดีทำดีสิ่งที่ดี ๆ ก็จะตามมา ตอนพ้นโทษออกมาชีวิตเป็นศูนย์ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน โชคดียังมีบ้านอยู่มีแม่คอยให้กำลังใจ และมีพี่สาวคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินในการทำร้านก๋วยเตี๋ยว หลังกลับมาอยู่บ้านได้พักหนึ่งมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ภาฯ อีกครั้ง แต่ช่วงเวลานั้นร้านก๋วยเตี๋ยวที่เคยทูลพระองค์ไว้ที่ตำหนักดอยตุงยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย เลยรู้สึกกระวนกระวายมาก 

ยอมรับว่าตอนนั้นท้อมาก เกือบถอดใจไปหางานทำที่กรุงเทพฯ แล้ว  แต่ผู้ใหญ่ในโครงการกำลังใจหลายท่านเข้ามาช่วยเหลือ มองหาทำเลใหม่กัน จากนั้นพระองค์ภาฯ ทรงให้พระสหาย 2 ท่าน มาช่วยอีกแรง สุดท้ายพระสหายทั้งสองท่านได้ช่วยตัดสินใจเลือกทำเลร้านให้ และแล้ววันแห่งความปลื้มปิติก็มาถึงเมื่อได้รับแจ้งว่า พระองค์ภาฯ จะเสด็จมายังร้านก๋วยเตี๋ยว ”กำลังใจ” 

โดย นายวีระภาพ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เคยเข้าเฝ้าพระองค์ภาฯ สองรอบแล้ว คิดว่าความเกร็งไม่น่าจะมีมาก ห่วงแม่กับพี่สาวมากกว่า แต่ที่ไหนได้พอวันเสด็จมาจริงเห็นพระองค์เดินมาทัก เดี๋ยวนี้อ้วนท้วนสมบูรณ์นะ ตอนนั้นน้ำตาผมไหลออกมาเอง จากนั้นมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเพื่อทรงสั่งก๋วยเตี๋ยว พระองค์ภาฯ ถามร้านนี้มีอะไรอร่อย ผมทูลแนะนำเย็นตาโฟครับ ท่านทรงสั่งบะหมี่เย็นตาโฟน้ำและบะหมี่เย็นตาโฟแห้ง 

หลังจากได้ทราบว่าท่านมีอาการพระประชวรก็รู้สึกตกใจ ตอนนี้ทำได้เพียงแต่ตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์หายป่วยเร็ว ๆ ให้กลับมาเป็นขวัญกำลังใจของประชนชนคนไทยโดยเร็ว