จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ร่วมกันติดตามจับกุม “นายอานนท์ อ่อนสาคร” หรือฉายา “เปา กระนวน” อายุ 27 ปี เอเย่นต์ค้าเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.267/2565 ลงวันที่ 27 ส.ค. 65 ข้อหา “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่” หลังเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 65 ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหลบหนีจนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ด.ต.สุวิทย์ สุขสาย” ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปคม. ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ต้นขาขวา
และเมื่อเวลา 15.00 ของวันที่ 7 ธ.ค. 65 เจ้าหน้าที่ได้พบตัว “นายเปา” อยู่ในพื้นที่ ต.คำม่วง อ.เขาสวนกลาง จ.ขอนแก่น จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่เจ้าตัวขัดขืนเปิดฉากใช้ปืนยิงต่อสู้อีก เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานจึงได้ยิงโต้ตอบ กระสุนเข้าที่บริเวณลำตัวของ “นายเปา” จนเสียชีวิต
และขณะเดียวกันภายในรถทราบว่ามีทั้งหมด 3 คนรวม “นายเปา” ที่เป็นคนขับ ส่วนคนที่นั่งเบาะข้างคนขับคือภรรยาของ “นายเปา” ถูกกระสุนยิงเข้าที่บริเวณแผ่นหลังประมาณ 5 นัด เนื่องจากใช้อาวุธยิงสู้เจ้าหน้าที่ด้วย จึงถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ส่วนอีก 1 คน ทราบว่าเป็นผู้หญิง นั่งอยู่เบาะหลังและยิงสู้เช่นกัน แต่เบื้องต้นหลบหนีเข้าป่าไป
วันที่ 8 ธ.ค. 65 ทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในรีสอร์ตที่ “นายเปา” กับพวกเข้ามากบดานก่อนจะถูกวิสามัญ พบว่าในเวลา 01.49 น. ของวันที่ 7 พ.ย. 65 จะเห็น “นายเปา” ขับรถยนต์สีแดง เข้ามาในรีสอร์ต จากนั้นเวลา 11.19 น. จะเห็นว่ามีรถกระบะ สีบรอนซ์อีกคัน ขับเข้ามาในรีสอร์ต ซึ่งตามข้อมูลจากเจ้าของรีสอร์ต ทราบว่าเป็นเพื่อนของ “นายเปา” แล้วเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบก็เริ่มเข้ามาปิดล้อมภายในรีสอร์ต มีการถอยรถเข้า-ออก เพื่อกระจายกำลังไปตามจุดต่างๆหน้ารีสอร์ต ตามแผนปฎิบัติการ
กระทั่งเวลาประมาณ 14.16 น. จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องพร้อมอาวุธปืน เดินสอดส่องบริเวณทางเข้า-ออกรีสอร์ต แล้วไม่นานเวลา 14.19 น. “นายเปา” ก็ขับรถพุ่งชนรั้วไม้ภายในรีสอร์ตเพื่อหลบหนี เนื่องจากมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดดักทางเข้า-ออกไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการยิงสกัดทั้งที่บริเวณล้อและคันรถ แต่ “นายเปา” ก็ยังคงขับชนรั้วและพุ่งชนกำแพงออกถนนใหญ่ไป
“นายนัน” (นามสมมติ) พนักงานรีสอร์ต เปิดเผยว่า ขณะนั้นเวลาประมาณตี 2 ของคืนวันที่ 6 ธ.ค. 65 รอยต่อเช้าวันที่ 7 ธ.ค. 65 มีรถคันเกิดเหตุขับเข้ามาภายในรีสอร์ต ก่อนจากมีผู้หญิงลงมาจากรถและติดต่อขอเช่าห้องพัก แต่ตนเห็นว่ารถคันดังกล่าวมีผู้ชายขับมา ส่วนเบาะด้านหลังนั้นไม่ขอยืนยันว่ามีใครนั่งมาด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาค่ำจึงทำให้มองเห็นไม่ชัด เมื่อเช็กอินเสร็จรถก็ขับเข้าไปจอดที่ห้องพัก โดยไม่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนหรือเร่งรีบแต่อย่างใด
จากนั้นเมื่อถึงช่วงประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 7 ธ.ค. 65 ก็มีชายขับรถกระบะสีบรอนซ์เข้ามาติดต่อขอเช่าห้องพัก พร้อมกับบอกว่ามาด้วยกันกับแขกที่พักอยู่ห้องดังกล่าว และชำระค่าห้องพักทั้ง 2 ห้อง โดยบอกว่าห้องซึ่งเป็นห้องของ “นายเปา” จะพักต่ออีก 1 คืน
โดยระหว่างที่มาติดต่อกับพนักงาน ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าตนจึงไม่เห็นว่ามีรูปร่างลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร จากนั้นจึงได้ขับเข้ามาที่ห้องซี 1 และเข้าไปพักจนถึงช่วงเที่ยง ก็ได้ขับรถออกไประหว่างนั้น เป็นจังหวะที่มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายมาติดต่อและพูดคุยกับตนว่าจะขอเข้าไปตรวจค้นห้องพักภายในรีสอร์ตเพราะว่ามีคนร้ายหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่
ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่ “นายเปา” ไหวตัวทันก็เพราะว่าบุคคลที่ขับรถกระบะคันดังกล่าวแจ้งว่ามีตำรวจมาดักรออยู่บริเวณหน้ารีสอร์ต ต่อมาในเวลาประมาณ 14.00 น. ก็มีกำลังตำรวจกว่า 20 นาย พร้อมรถกระบะหลายคันมาปิดล้อมอยู่หน้ารีสอร์ต ขณะเดียวกัน “นายเปา” ก็ได้ขับรถคันเกิดเหตุ ออกจากห้องพักเพื่อพยายามที่จะหลบหนี โดยได้พุ่งชนฟุตพาทแตกและชนประตูรั้วของรีสอร์ตจนได้รับความเสียหาย จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่รถของ “นายเปา” จะฝ่าด่านตำรวจออกไปบริเวณถนนหน้ารีสอร์ต หลังจากนั้นเสียงปืนเริ่มเงียบลง โดยสภาพรถของคนร้ายคอนโซลหน้าพังยับเยินและยางแตก แต่ตนก็ไม่เห็นพฤติการณ์ช่วงที่มีการสกัดจับจนถึงขั้นวิสามัญทำให้ “นายเปา” เสียชีวิต เนื่องจากตนและลูกน้องหลบซ่อนตัวอยู่ภายในตึก ก็เกรงว่าจะเกิดอันตราย แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุในรีสอร์ตไม่มีแขกคนอื่นพักอาศัย จึงไม่มีใครได้รับอันตราย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าผู้ที่มาเปิดขอเช่าห้องพักเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของภาคอีสาน เพราะทางรีสอร์ตมีมาตรการในการขอเช่าห้องพัก เพียงแค่นำบัตรประชาชนมาแสดงเพื่อลงชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบประวัติส่วนตัว และไม่ได้ถ่ายเอกสารหรือถ่ายรูปบัตรประชาชนของผู้ที่มาติดต่อไว้ และหลังจากที่มีเหตุการณ์นี้ตนก็ได้ไปหาข้อมูล จนทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดของ “นายเปา”
สำหรับในส่วนของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตนั้น ประมาณ 1 หมื่นบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าให้ตนประเมินราคาไป ทางตำรวจจะรับผิดชอบทั้งหมด โดยหลังจากเหตุการณ์เสร็จสิ้นแล้วทางแม่บ้านของรีสอร์ตได้เข้าทำความสะอาดห้องพัก ก็พบว่ามีเพียงเหล้าตั้งอยู่ 1 ขวด เท่านั้น สภาพห้องไม่ได้มีอะไรผิดปกติและไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย
ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางขณะเกิดเหตุยิงปะทะยังคงพบคราบเลือดของ “นายเปา” หยดเป็นทาง และมีหน้ากากอนามัยฉีกขาดเปื้อนเลือดตกอยู่ตรงจุดเสียชีวิต
ทีมข่าวได้คุยกับ “นายสมพร น้อยเลียง” อายุ 52 ปี เจ้าของไร่มันละแวกดังกล่าว เจ้าตัวเล่าและสาธิตเหตุการณ์ขณะนั้นให้ดู โดยตนกับภรรยากำลังนั่งพับเพียบคัดแยกต้นมันกันอยู่บนถนนลูกรังพอดี แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง “ปัง” ดังขึ้นหลายครั้งนำมาก่อน แต่เข้าใจว่าเป็นเสียงปะทัด เพราะไม่นานก็มีผู้ชายคนนึงพร้อมอาวุธปืนวิ่งหมอบมาตามถนนลูกรัง มุ่งหน้ามาหาตนที่นั่งอยู่ห่างแค่ประมาณ 80 เมตร ก็ยังคิดอยู่พวกเด็กน้อยมันวิ่งเล่นอะไรกัน ทราบภายหลังว่านั่นคือ “นายเปา”
จากนั้น “นายเปา” ก็นั่งชันเข่าลงกับพื้น แล้วหันหน้าออกไปฝั่งถนนปูนซีเมนต์ และจ่อปืน 1 กระบอกยิงออกไปรัว ๆ พร้อมกับเริ่มเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฎตามป่าตามถนนเยอะมาก บวกกับมีการยิงสวนกลับมา ตนถึงได้รู้ว่านี่เป็นเหตุการณ์ยิงกันจริง ๆ ก็เลยรีบพาภรรยาวิ่งไปนอนหลบที่หลังเนินดินและชะเง้อคอดู ภาพที่เห็นคือมีการยิงกันสวนไปมาเกือบร้อยนัด บางนัดก็แฉลบไปโดนดินในไร่มันจนกระจายฟุ้งไปทั้งไร่
จังหวะนั้นเห็นว่า “นายเปา” ลุกขึ้นและพยายามจะเดินก้าวไปข้างหน้า แต่ก้าวได้แค่ 3 ก้าว ก็ล้มลงนอนขดแน่นิ่งกับพื้น ซึ่งคาดว่าคงโดนกระสุนแล้ว ทั้งนี้ “นายสมพร” บอกว่าจริง ๆ แล้วตอนเที่ยงของเมื่อวานตนกับภรรยาก็นั่งกินข้าวอยู่จุดที่ “นายเปา” เสียชีวิต แต่โชคดีที่เหตุการณ์มันเกิดหลังจากนั้น ไม่งั้นก็คงโดนลูกหลงไปแล้ว
แต่ถ้าถามว่าเห็นบุคคลอีกคนที่มากับ “นายเปา” ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีบ้างไหม เจ้าตัวบอกว่าไม่เห็นเลย เพราะตอนนั้นมันเร็วมาก เพิ่งจะรู้เมื่อเช้าว่ามีอีกคนกำลังหลบหนีเข้าป่า ก็ยอมรับว่าแอบกลัวอยู่เหมือนกัน คงต้องกลับบ้านเร็วขึ้นจากเดิมที่กลับค่ำ ๆ ก็คงต้องกลับตั้งแต่เย็น ส่วนเรื่องดวงวิญญาณของ “นายเปา” นั้น เบื้องต้นยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณไป แต่ตัวเองก็ไม่ได้กลัวดวงวิญญาณเท่าไหร่ ยังสามารถทำงานได้ปกติ
ด้าน “นายสุภาพ ชัยตอกเกี้ย” อายุ 46 ปี น้าของ “นายเปา” เปิดเผยกับสื่อฯ ว่าก่อนอื่นขอชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนและครอบครัวของ “นายเปา” ไม่พอใจที่ตำรวจวิสามัญ “นายเปา” ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะญาติทุกคนยอมรับกับการที่ตำรวจวิสามัญ “นายเปา” เพราะ “นายเปา” เป็นพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จริง และเป็นมาพักใหญ่แล้ว แต่ไม่ใช่พ่อค้ารายใหญ่ เป็นเพียงแค่พ่อค้าระดับ 2 คือค้าขายภายในชุมชนและตำบลเท่านั้น บวกกับรู้ดีว่าที่ผ่านมา “นายเปา” มีพฤติกรรมหลบหนี แล้ววันที่เกิดเหตุก็มีการยิงสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
แต่ประเด็นที่ญาติติดใจคือ เมื่อวานนี้หลังจาก “นายเปา” ถูกวิสามัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกันไม่ให้ญาติเข้าไปดูศพ ด้วยการใช้คำพูดในเชิงกล่าวหาว่าญาติรู้เห็นกับการหลบหนีของ “นายเปา” และยังอ้างอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเห็น “นายเปา” กลับมาบ้านประมาณ 4-5 ครั้ง ในช่วง 2-3 เดือน ที่ผ่านมา แต่ญาติกลับไม่แจ้งให้ตำรวจทราบ
ซึ่งเมื่อวานนี้ตนกับญาติก็ได้อธิบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังแล้วว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการที่ “นายเปา” กลับมาบ้านเลย เพราะไม่เห็นกลับมาจริง ๆ ถ้าเห็นก็จะพาเข้ามอบตัว คงไม่ปล่อยให้ถูกวิสามัญแบบนี้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังปรักปรำและพยายามหาเรื่องพวกตน เหมือนจะเดินเข้ามาทำร้ายร่างกาย แต่บังเอิญว่า “นายสุบรรณ” พ่อของ “นายเปา” ไหวตัวทัน ก็เลยป้องกันตัวกลับไปด้วยการชกหน้าตำรวจไป 1 ครั้ง จนตำรวจนายดังกล่าวเสียหลักเกือบจะพลักตกคลองข้างทาง อีกทั้งตำรวจนายนั้นยังทำท่าจะชักปืนออกมาข่มขู่ด้วย พร้อมกับพูดจาท้าทายพวกตนประมาณว่า “มึงจะเอายังไงกับกู”
ตนก็เลยตอบไปว่า “ผมยังไงก็ได้ ถอดเสื้อมาคุยกันเลย” และถอยหลังออกมา เพราะไม่อยากให้มีการปะทะ แต่นายตำรวจคนดังกล่าวก็ยังเดินกางมือทั้ง 2 ข้าง มุ่งเข้ามาหาตนเหมือนตั้งใจจะหาเรื่องอีก จากนั้นตนก็พยายามเลี่ยง ด้วยการเดินไปคุยกับนักข่าว ซึ่งระหว่างนั้นมีนายตำรวจยศ ร.ต.อ. เอกนายหนึ่งเดินเข้ามาหาตน พร้อมกับอธิบายเกี่ยวกับเหตุผลที่ยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าไปในพื้นที่ศพ เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปทำลายหลักฐานและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อตนและญาติได้ยินคำอธิบายเช่นนั้น ก็เข้าใจได้และไม่ได้ติดใจหรือขัดข้องต่อก็เลยพากันเดินทางกลับบ้านทันที
นอกจากนี้ “นายสุภาพ” ยังเปิดเผยอีกว่าจริง ๆ แล้วเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 ตัวเองได้ติดต่อกับนายเปาผ่านทางวิดีโอคอลเฟสบุ๊ก และมีการขอให้เข้ามอบตัว ซึ่ง “นายเปา” ก็รับปากสั้นๆว่า “ครับ” พร้อมกับเล่าให้ตนฟังว่า จริงๆแล้วในพื้นที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ยังมีพ่อค้ายาเสพติดรายอื่นอีกจำนวนมาก ไม่ได้มีแค่ “นายเปา” เพราะขณะที่เขาถูกตำรวจไล่ล่า ทราบว่ายังมียาเสพติดขายอยู่ในพื้นที่ตลอด แล้วก็วางสายไป จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่ “นายเปา” ถูกวิสามัญ ตนมารู้เรื่องจากข่าวอีกที จึงพากันไปในจุดเกิดเหตุ ซึ่งตอนแรกยังไม่เชื่อว่าจะถูกวิสามัญแล้ว ก็เลยตั้งใจจะไปเกลี้ยกล่อมให้ “นายเปา” มอบตัว แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่า “นายเปา” ถูกวิสามัญเสียชีวิตแล้ว
Advertisement