รวบคาด่าน! ไอ้คลั่งฆ่า 2 ศพกระเตงเมียหนีอ้างแค้นหมาตาย เหยื่อฉะหลอนกาว (คลิป)

จากกรณี เมื่อ 19.50 น. วันที่ 30 พ.ย. 65 คืนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองยโสธร รับแจ้งเหตุมีชายใช้อาวุธมีดบุกแทงคนในบ้านพัก 2 หลัง ได้รับบาดเจ็บ เหตุกาณ์เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านหนองคู หมู่ 7 ต.หนองคู อ.เมืองยโสธร ที่เกิดเหตุจุดแรกเป็นบ้านชั้นเดียว ตรวจสอบพบบริเวณในครัวข้างบ้าน มีเลือดจำนวนมากกองอยู่บนเสื่อ ใกล้กันพบโทรศัพท์มือถือและซองบุหรี่ว่างอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายไชโย ขันเงิน อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน ถูกแทงอาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลยโสธร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนที่เกิดเหตุจุดที่ 2 เป็นบ้านชั้นเดียวเช่นกัน ภายในห้องโถงและห้องพระพบรอยเลือดจำนวนมาก นอกจากนี้ พบร่องรอยของการต่อสู้ภายในห้องพระด้วยเช่นกัน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ คือ นายสำเริง ชัยศรี อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน ถูกแทงบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาลยโสธร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สรุปจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ถูกแทงเสียชีวิตรวม 2 ราย

เมื่อเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมตัว นายบุญสิงห์ บุญเรือง หรือ หนึ่ง อายุ 41 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ที่หมู่บ้านหนองหงอก ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร พร้อมกับภรรยาและอาวุธมีดปลายแหลม ความยาม 1 ฟุต ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายหนึ่ง สารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุแทงผู้เสียชีวิตทั้งคู่จริง ซึ่งก่อนลงมือได้ดื่มเหล้าเข้าไป ส่วนสาเหตุนั้นมาจากเรื่องทะเลาะกัน ตนเองคาดว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายสำเริง ผู้ตายเป็นคนวางยาเบื่อหมาของตน จึงโกธรแค้น บุกไปแทงที่บ้านประมาณ 2-3 ครั้ง เข้าที่ที่ช่วงท้องและกลางหลัง ส่วนนายไชโย ผู้ตายอีกคนนั้นชอบพูดจาดูถูกตนเองเป็นประจำว่าจน จึงเกิดความแค้นบุกไปแทงเข้าที่ช่วงอก 1 ครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างสอบสวนผู้ก่อเหตุอย่างละเอียด ก่อนจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ สภ.เมืองยโสธร หลังนายบุญสิงห์ ผู้ก่อเหตุ ถูกตำรวจจับกุมตัว ระหว่างตำรวจนำตัวนายบุญสิงห์ ออกจากห้องควบคุมขังมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน ทีมข่าวได้พยายามสอบถามนายบุญสิงห์ ถึงเหตุผลที่ลงมือฆ่าบ้านถึง 2 ศพ

นายบุญสิงห์ เปิดใจว่า ที่ตนเองลงมือใช้มีดแทงนายไชโย และนายสำเริงนั้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าทั้ง 2 คนให้ตาย และไม่คิดว่าจะตายด้วย โดยทำไปเพราะความมึนเมาและคับแค้นใจ เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองเป็นเขยต่างถิ่น ได้เข้ามาอยู่กับภรรยาในหมู่บ้าน ก็ถูกผู้ตายทั้ง 2 คนดูถูกเหยียดหยาม ตนเองถูกด่าว่า "ไอขี้เหล้า ไอขี้ยา เอาแต่อาศัยเมียอยู่ ไม่มีปัญญาหาเลี้ยงเขา" และยังถูกกลุ่มผู้ตาย เอาปืนยิงใส่บ้านตนเอง พอตัวเองไปถามก็บอกว่า ยิงนก ยิงหนู ไม่ได้ยิงคน

ยังไม่พอก่อนหน้านี้ หมาที่ตนเองเลี้ยงไว้ที่บ้าน 2 ตัว ก็ถูกวางยาเบื่อตาย ตัวแรกถูกวางยาเบื่อตาย และซากหมาถูกผู้ตายใครสักคน เอาซากหมามาโยนทิ้งหน้าบ้าน เพื่อเยาะเยย และอีกตัวก็มาถูกวางยาเบื่อตาย 3 วันก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองจึงมั่นใจว่า 2 ผู้ตายรวมหัวกันแกล้ง ด้วยความเมาและทนไม่ไหวแล้ว จึงพกมีดบุกไปแทงผู้ตายทั้ง 2 คน โดยเข้าไปแทงบ้านนายไชโยก่อน จากนั้นจึงเดินทางไปแทงนายสำเริงเป็นคนที่ 2 ซึ่งตนเองยอมรับสารภาพทั้งหมด

หลังเกิดเหตุตนเองได้กลับไปหาเมียที่บ้าน และขอให้เมียนั่งรถมอเตอร์ไซค์กลับหมู่บ้านหนองหงอกด้วยกัน เป็นหมู่บ้านบ้านเกิดของเจ้าตัว แต่ระหว่างทางดันไปเจอตำรวจตั้งจุดตรวจพอดีจึงถูกจับ ตนเองอยากขอโทษผู้ตายทั้ง 2 คนด้วย แต่ยืนยันที่ทำไปนั้น เพราะความเมาและอดกลั้นจนถึงขีดสุดแล้วจริง ๆ

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากนายบุญสิงห์ ก่อเหตุใช้มีดแทงเพื่อนบ้านตาย 2 ศพ จากภาพเวลาประมาณ 2 ทุ่ม โดยประมาณเห็นรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีม สีน้ำเงิน ของนายบุญสิงห์ขี่หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ขี่มุ่งหน้าบ้านหนอง นายบุญสิงห์ได้พาเมียตนเองซ้อนท้ายไปด้วย และขี่ผ่านกล้องด้วยความเร็ว

ด้านพันตำรวจเอกมังกร กวีกรณ์ ผู้กำกับ สภ.เมืองยโสธร เปิดเผยว่า ปมเหตุที่ผู้ต้องหาก่อเหตุบุกไปฆ่าเพื่อนบ้านนั้น ผู้ต้องหาให้การว่า ตัวผู้ต้องหาเป็นเขยต่างถิ่น ที่เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านกับภรรยา แต่เมื่อมาอยู่ในหมู่บ้าน ผู้ตายทั้ง 2 คนที่บ้านอยู่ใกล้กัน ที่ผ่านมาได้พูดจาคอยดูถูกเหยียดหยาม และชอบบอกว่าตัวเองอายุมากกว่า พูดข่มอยู่ประจำ

ประกอบกับ 3 วันก่อนเกิดเหตุ หมาของผู้ต้องหาที่เลี้ยงไว้ได้ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผู้ต้องหาจึงสงสัยว่าผู้ตายทั้ง 2 คนรวมหัวกันแกล้งเอายาเบื่อวางหมาตัวเองตาย วันเกิดเหตุช่วงเย็น หลังจากผู้ต้องหาเกี่ยวข้าวเสร็จ ได้ดื่มเหล้าขาวจนเมา และดันไปเจอกันผู้ตายทั้งสองคนในหมู่บ้าน และมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อตกดึกผู้ต้องหายังคับแค้นใจไม่หาย จึงบุกเอามีดไปฆ่าทั้งสองคนถึงในบ้าน

หลังก่อเหตุเสร็จ ได้พาภรรยาหลบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์หลบหนี แต่ระหว่างทางดันไปเจอเจ้าหน้าที่สายตรวจ ของ สภ.เมืองยโสธร ซึ่งได้วางกำลังตั้งจุดตรวจเฝ้าระวังเด็กแว๊นในพื้นที่พอดี เมื่อตำรวจสายตรวจเห็น เห็นพิรุธว่า นายบุญสิงห์ไม่ใส่เสื้อ และบิดมอเตอร์ไซค์เร็วกว่าปกติ ตำรวจจึงได้ไล่ติดตาม จนมาทราบว่า คือผู้ก่อเหตุคนเดียวกับที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองสโยธรตามหา เหตุมีคนร้ายบุกแทงตาย 2 ศพ พอดี เมื่อตรวจสอบใต้เบาะรถมอเตอร์ไซค์ก็พบมีดที่ใช้ก่อเหตุ จึงจับตัวได้ทันควัน การจับกุมในครั้งนี้ เป็นผลมาจากนโยบายของ ผบ.ตร. ที่ให้ตำรวจในพื้นที่กระจายกำลังตั้งจุดตรวจสกัดเด็กแว๊น ทำให้ตำรวจจับตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่วัดป่าเทพประชาบำรุง ครอบครัวได้นำมาจัดบำเพ็ญกุศลโดยวางโลงตั้งคู่กัน นางสุนทร ไชยศรี อายุ 56 ปี ภรรยานายสำเริง ผู้ตาย เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนเอง สามี และหลานสาววัย 1 ขวบ นั่งอยู่ภายในบ้าน ส่วนลูกสาวอาบน้ำอยู่หลังบ้าน ขณะนั้นตนเองได้ยินเสียงหมา 2 ตัวที่เลี้ยงไว้เห่าผิดปกติ และได้ยินเสียงคนเคาะประตูหลังบ้าน ตนเองคิดว่า ลูกสาวเรียกจึงไปเปิดประตูหลังบ้าน แต่พอเปิดประตูออกมาก็เจอนายหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขย ยืนถือมีดยาวอยู่ในมือแล้วเรียกหาสามีตนเอง บอกว่า “ไอสำมันอยู่ไหน วันนี้กูจะเอามันให้ตาย”

จากนั้นก็ผลักตนเองและบุกเข้ามาในบ้าน ตนเองจึงเรียกสามีให้มาช่วย ตอนนั้นสามีอุ้มหลานอยู่รีบโยนหลานทิ้งให้พ้นมีด ก่อนจะเข้าไปต่อสู้กันกับนายหนึ่ง จากนั้น ตนเองเห็นสามีถูกกระหน่ำแทงไม่ยั้งหลายแผล หลังจากนั้นลูกสาวก็เข้ามาช่วย ตนเองจึงไปอุ้มหลานหนีออกมาข้างนอก ส่วนนายหนึ่งก็ตามออกมา ตนเองจึงยกมือไหว้ขอชีวิตบอกว่ากลัวแล้ว พอนายหนึ่งหลบหนีไป ตนเองจึงไปตามญาติพี่น้องมาช่วยเหลือ พอมาถึงก็เห็นสามีเจ็บหนักนอนจมกองเลือดอยู่นอนหายใจโรยริน

ส่วนเรื่องทะเลาะกับนายหนึ่งนั้น เคยมีมาก่อนเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว สามีตนเองเดินไปบอกนายหนึ่ง เนื่องจากไฟส่องสว่างหน้าบ้าน ซึ่งเป็นของชุมชน นายหนึ่งชอบไปเปิดสวิตช์ไฟเปิดไว้ทั้งกลางวันกลางคืน สามีแต่กลัวชุมชนจะสิ้นเปลืองค่าไฟโดยใช่เหตุ จึงบอกให้นายหนึ่ง หากไม่ใช่ก็ปิดไฟด้วย แต่ก็เกิดมีปากเสียงชกต่อยกันขึ้น และเคลียร์กันจบแล้ว

ส่วนที่นายหนึ่งกล่าวหาว่า สามีตนเองไปวางยาเบื่อหมานั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง นายหนึ่งคิดไปเอง ซึ่งหมาที่ตาย ถูกรถของชาวบ้านชนตาย สามีตนเองไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยซ้ำ

นางสาวเรวดี ขันเงิน อายุ 52 ปี พี่สาวของนายไชโย ผู้เสียชีวิต บอกว่า ก่อนเกิดเหตุ น้องชายได้โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งทำงานอยู่กรุงเทพ และได้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันตามภาษาพี่น้อง ระหว่างที่คุยนั้น น้องชายบอกว่า กำลังทำกับข้าวกินอยู่ในครัว แต่เมื่อคุยสายกับน้องชายไปสักพัก จู่ ๆ ตนเองก็ได้ยินเสียงน้องชายร้องตะโกนเสียงดัง “โอ้ยโอ้ย” ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์หล่นลงพื้น ตอนนั้นคิดว่า น้องชายอาจจะลื่นล้ม หรือว่า หม้อน้ำร้อนหกใส่ ตัวเองพยายามโทรศัพท์หาน้องแต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว

กระทั่งเวลาผ่านไป ประมาณ 2 ทุ่ม เพื่อนบ้านของน้องชายโทรศัพท์มาบอกว่า น้องชายถูกคนร้ายแทงอาการสาหัสก็ตกใจมาก และรีบเดินทางจากกรุงเทพมาหาแต่สุดท้ายน้องชายก็มาเสียชีวิตลงในที่สุด ยืนยันว่าน้องชายไม่เคยเอาปืนไปยิงใส่บ้านผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะน้องชายเป็นคนไม่ทำใครก่อน และไม่เคยพูดจาเหยียดหยามใคร แต่ยอมรับว่า น้องชาย เวลามีเรื่องกับใคร ก็มักจะชอบพูดขู่คนไปทั่ว ว่า จะเอาปืนมายิง แต่ก็ไม่เคยทำจริงสักครั้ง ตนเองอยากให้ตำรวจลงโทษผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าโหดเหี้ยมมาก ขนาดน้องชายตัวเองล้มลงกับพื้นแล้วยังถูกแทงซ้ำหลายแผลไปทั่วทั้งหลัง