แก๊งบ่อนโหดปิดซอยฆ่าโจ๋ ตีด้วยไม้เบสบอล ก่อนยิงอก 3 นัด แต่ดันผิดตัว (คลิป)

เมื่อเวลาประมาณ 00.10 น. วันที่ 21 พ.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สน.ท่าเรือ ว่ามีเหตุยิงกันบริเวณกลางซอย 23 ชุมชน 70 ไร่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ หลังรับแจ้ง “ร.ต.อ.กิตก์ เอียดแก้ว” รอง สว.สส.สน.ท่าเรือ จึงลงพื้นตรวจสอบ

พบผู้บาดเจ็บ 1 รายทราบชื่อ “นานวันฉัตร โชว์พุทธา” หรือ “นายเฟียต” อายุ 36 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณใต้ราวนมซ้าย 2 นัด และหน้าท้อง 1 นัด เสียชีวิตระหว่างครอบครัวนำส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถามชาวบ้านในที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ “นายมนัส ทรงงาม” หรือ “นายเดี่ยว” อายุ 30 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่บริเวณกลางซอย 29 ชุมชน 70 ไร่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณกลางซอย 29 เวลาประมาณ 01.00 น. ก็พบ “นายเดี่ยว” กำลังยืนอยู่ จึงได้เข้าไปตรวจสอบขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนบีบีกัน จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 5 นัด พกอยู่บริเวณเอวด้านขวามือ จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง

เจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง จึงมีการแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะกุมตัวพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุที่บริเวณซอย 23 ซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ และแออัด แต่เบื้องต้นไม่พบคราบเลือดใด ๆ แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีกล้องสามารถจับภาพได้ทั้งหมดตั้งแต่เวลาประมาณ 00.01 น. ของวันที่ 21 พ.ย. 65 กลุ่มผู้ก่อเหตุเดินออกมาจากซอย 29 แล้วเดินไปตามถนนเลี้ยวเข้าซอย 23 ที่ผู้ตายและเพื่อนนั่งอยู่หน้าบ้าน โดยผู้ก่อเหตุพากันมาประมาณ 10 กว่าคน พร้อมกับอุปกรณ์ครบมือ ทั้งที่ช็อตไฟฟ้า ปืน และไม้เบสบอล

จากนั้นพอเข้าไปในซอย 23 จะได้ยินเสียงดีดกีต้าและร้องเพลงที่ผู้ตายและเพื่อนกำลังนั่งร้องเพลงกันอยู่ โดยไม่รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะมีคนมายิงจนกระทั่งตาย โดยในกลุ่มผู้ก่อเหตุจะมีบุคคลที่ครอบครัวของผู้ตายรู้จักประมาณ 6 คนคือ “นายอ๊อด” ที่เป็นเสมือนหัวหน้าแก๊ง และมี “นายแป๊ก, นายน็อต, นายเดี่ยว, นายตั้ว และ นายนิด” ที่เป็นลูกน้องของ “นายอ๊อด” จะเห็นว่าทั้งหมดเดินเข้าพุ่งไปหาทั้ง “นายเฟียต” และเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าบ้าน ซึ่งกล้องบันทึกได้ไม่หมด

จากนั้นจะมีเสียงคนพูดว่า “เห้ย มีไรกัน” แล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุก็กระหน่ำเอาไม้เบสบอลกับที่ช็อตไฟฟ้าทำร้าย “นายเฟียต” และเพื่อน โดยมีเสียงร้องขอชีวิตจากแม่ของ “นายเฟียต” ดังลั่นออกมา โดยแม่พยายามบอกให้ฝั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุหยุดแต่ไม่มีใครหยุด ยังคงทำร้าย “นายเฟียต” ต่อ

จนกระทั่ง “นายเดี่ยว” เดินเข้ามาตรงหน้ากล้องแล้วเดินเข้าไปที่ “นายเฟียต” ก่อนจะชักปืนออกมายิงไป 3 นัด เสียงแม่ที่ร้องขอความช่วยเหลือถึงกับกรี๊ดลั่นแทบขาดใจเพราะลูกโดนยิงต่อหน้าต่อตาโดยที่แม่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะผู้ก่อเหตุมันมากันเยอะแล้วอุปกรณ์ครบมือ แล้วจะเห็นว่าในกล้องวงจรปิด มีผู้ชายเสื้อน้ำเงินอีกคนนึงพยายามจะควักบางอย่างออกมาจากเอว ซึ่งหากมองจากสถานการณ์และภาพวงจรปิด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นปืนที่พกมาด้วย แต่ยังไม่ทันได้ควักออกมา ทั้งหมดก็พากันวิ่งหลบหนีไปก่อน จากนั้นพวกกลุ่มคนก่อเหตุมันก็วิ่งหนีกลับออกมาทางเดิม โดยเข้าไปในซอย 29 ที่เป็นบ้านของ “นายอ๊อด” และบ้านของพวกกลุ่มคนก่อเหตุบางคน

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุภาพกล้องวงจรปิดยังบันทึกภาพนาทีบับหัวใจ ที่แม่และย่าของ “นายเฟียต” พยายามเรียกชาวบ้านให้มาช่วยเหลือ และช่วยกันหามร่าง “นายเฟียต” ส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตขณะเดินทาง ส่วนเพื่อนของ “นายเฟียต” ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณข้อมือ เพราะถูกฟาดด้วยไม้เบสบอล ก็เดินทางไปโรงพยาบาลด้วย

เวลา 13.30 น. ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปยัง สภ.ท่าเรือ และมีโอกาสได้พูดคุยกับ “นางธิติมา โชว์พุทธา” อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ที่เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่าจริง ๆ แล้วปัญหามันไม่ได้เกิดขึ้นระหว่าง “นายเฟียต” กับ “นายเดี่ยว” แต่เนื่องจากเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา รุ่นพี่ของลูกชายคนโตของตนไปมีปัญหาชกต่อยกับลูกน้องของ “นายอ๊อด” ซึ่งเท่าที่ชาวบ้านในชุมชนรู้จัก “นายอ๊อด” ค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่พอสมควร และเขาเองก็ทำธุรกิจผิดกฎหมายเกี่ยวกับการแอบเปิดบ่อนไฮโลย่อม ๆ ในชุมชนมานานเกือบ 10 ปีด้วย จะเป็นลักษณะเปิด ๆ ปิด ๆ โดยที่ตำรวจก็ไม่ได้ทำอะไร

จึงทำให้ลูกชายคนโตของตนชื่อ “นายเทพดุสิต โชว์พุทธา” อายุ 39 ปี หรือ “นายโฟล์ค” ไม่ค่อยชอบกลุ่มของ “นายอ๊อด” เท่าไหร่ จึงมักจะไปป่วนภายในบ่อนของ “นายอ๊อด” เป็นประจำ ตนคาดว่าคงทำให้ “นายอ๊อด” ไม่พอใจจึงส่ง “นายเดี่ยว” และพวกมาจะรุมทำร้ายลูกชายคนโตของตน แต่บังเอิญว่าตอนเกิดเหตุลูกชายคนโตออกไปข้างนอกจึงกลายเป็นว่า “นายเฟียต” โดนกระสุนแทน

เพราะลักษณะของการก่อเหตุตนมั่นใจว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุตั้งใจจะมาหวังเอาชีวิต เนื่องจากยกพวกมากว่า 10 คน พร้อมอาวุธทั้งปืน ไม้เบสบอลธรรมดาและไม้เบสบอลไฟฟ้า บวกกับก่อนก่อเหตุมีเสียงเรียกชื่อ “นายเฟียต” ลูกชายคนเล็กของตนก่อน พอลูกชายตนได้ยิน ตอนนั้นกำลังนั่งฟังเพลงอยู่กับเพื่อนอีกคนที่หน้าบ้านก็เดินออกมาหากลุ่มผู้ก่อเหตุแต่กลับถูกรุมตี รุมกระทืบ ทั้ง ๆ ที่นั่นไม่ใช่ “นายโฟล์ค” บุคคลที่กลุ่มผู้ก่อเหตุมีปัญหาด้วย ซึ่งขณะนั้นตนก็พยายามร้องขอชีวิตลูกชายตลอด แต่ไม่มีใครฟัง

พอลูกชายหรือ “นายเฟียต” ถูกรุมทำร้ายเสร็จก็เซไปนั่งอยู่ที่พื้นหน้าบ้าน ก่อนจะถูก “นายเดี่ยว” จ่อปืนยิงเข้าที่ร่างกาย 3 นัดซ้อนและพากันหลบหนีไป ซึ่งบุคคลที่เข้ามาก่อเหตุเมื่อคืนนี้ ส่วนใหญ่ตนรู้จักชื่อเพราะเป็นคนในชุมชน ดังนั้นตนมองว่าควรจะมีการจับกุมบุคคลที่เข้าไปรุมทำร้ายลูกชายของตนทั้งหมดมาดำเนินคดีและอยากขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวด้วย

ขณะเดียวกันวันนี้หลังจาก “นายเดี่ยว” หรือ “นายมนัส ทรงงาม” สอบปากคำเสร็จ และถูกกุมตัวเข้าห้องขัง เราได้สอบถามถึงปมสาเหตุ เจ้าตัวยืนยันว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นปัญหาระหว่างตนเองผู้ตายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ “นายอ๊อด” ซึ่งเป็นลูกพี่ของตนด้วย ก่อนจะถูกกุมตัวเข้าห้องขังไป

“นายเทพดุสิต โชว์พุทธา” หรือ “นายโฟลค์” พี่ชายของผู้ตาย เจ้าตัวยอมรับว่าคนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะมาทำร้ายนั้น ไม่ใช่ “นายเฟียต” ที่เป็นน้องของตนแต่เป็นตน ซึ่งเป็นคู่ปรับของกลุ่ม “นายอ๊อด” มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะ “นายอ๊อด” เป็นเจ้าของบ่อนไฮโลในพื้นที่นี้จริง ๆ แอบเปิดมาประมาณ 2 ปีแล้ว สถานที่คือบ้านของเขาเองภายในซอย 29 ถัดจากที่เกิดเหตุไปประมาณ 200 เมตร ขนาดเมื่อคืนนี้ก่อนที่จะเกิดก็ยังเล่นกันอยู่

ตนเองก็เป็นคนนึงที่เคยเข้าไปเล่นไฮโลในบ่อนบ้านของ “นายอ๊อด” ที่ผ่านมาก็ได้บ้าง เสียบ้าง ตามปกติ แต่ครั้งล่าสุดที่ทำให้ตนมีปัญหากับ “นายอ๊อด” คือเมื่อประมาณกลางปี 64 ตอนนั้นตนกับเพื่อนเข้าไปเล่นแล้วแพ้หมดเงินไปประมาณ 1 แสนบาท ก็เลยบอกกับเพื่อนว่าจะไม่กลับเข้าไปเล่นอีก แล้วคาดว่าลูกน้องของ “นายอ๊อด” คงรู้เรื่องที่ตนบอกกับเพื่อนแบบนั้น จึงคิดว่าตนชักชวนให้เพื่อนของตนที่เป็นลูกค้าบ่อนของเขาเลิกเล่น คล้ายกับว่าทำให้บ่อนเขาเสียลูกค้าไปด้วย ที่ผ่านมาลูกน้องของ “นายอ๊อด” จึงเขม่นกับตนและรุ่นพี่ของตนบ่อย ๆ ทำให้มีปัญหากันมาตลอด แต่ยังไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน

ครั้งนี้คาดว่า “นายอ๊อด” คงสั่งให้ “นายเดี่ยว” มาจัดการมาสั่งสอนตนหน่อย เพราะตอนค่ำตนยังอยู่บ้าน ก็เลยยกพวกกันมาตามที่เห็น แต่ตอนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามา เป็นช่วงเวลาที่ตนออกจากบ้านไปหาภรรยาแล้ว โดยตนขับ จยย. ออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 23.30 น. เนื่องจากไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องตามมาภายหลัง ซึ่งถ้ารู้ก็คงไม่ไป แล้วพอกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาเห็นว่าน้องชายตนกับเพื่อนนั่งอยู่ก็เลยรุมทำร้ายทันที ทั้งใช้ไม้เบสบอล ใช้ปืนยิง จนสุดท้ายน้องชายเสียชีวิต คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคงตั้งใจไว้อยู่แล้ว ไม่ได้ทำร้ายผิดตัวแน่นอน

“นายโฟล์ค” ยอมรับด้วยเสียงสั่นเครือว่ารู้สึกเสียใจมาก ที่เกิดเหตุแบบนี้กับน้องชายที่ตนรักมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วคนที่ควรจะตายต้องเป็นตน ดังนั้นหากเป็นไปได้ ตนก็อยากตายแทนน้องเหมือนกัน ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวผู้ก่อเหตุทุกคนที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด ไม่ใช่แค่ “นายเดี่ยว” เพราะทุกคนถือว่าเข้าข่ายร่วมกันฆ่า

และจากการสอบถาม “พ.ต.ท.อุทิศ สุดใจ” รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ท่าเรือ ทราบว่า “นายเดี่ยว” ให้การรับสารภาพว่าเป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างตนเองกับ “นายเฟียต” ไม่ได้ให้การซักทอดถึงบุคคลที่สาม และไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่าแท้จริงแล้วผู้ก่อเหตุมีกี่คนและมีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนเรื่องบ่อนไฮโลนั้น หลังจากนี้ก็จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยเพราะที่ผ่านมายังไม่ได้รับร้องเรียน

ขณะที่เวลา 16.30 น. บรรยากาศงานรดน้ำศพของ “นายเฟียต” ซึ่งถูกจัดขึ้นที่ศาลา 1 วัดคลองเตยนอก กทม. วันนี้บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากครอบครัวและบรรดาญาติ ๆ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่และพี่ชายที่นั่งเฝ้าศพ “นายเฟียต” ไม่ห่าง พลางร้องไห้ด้วยความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้

จากนั้นแม่ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดบริเวณใบหน้าลูบศรีษะของลูกชายและดูความเรียบร้อยของร่างลูกชายตลอดเวลา ก่อนจะนำพวงมาลัยมาสวมที่ข้อมือของร่างลูกชายเพื่อเตรียมรดน้ำศพ โดยระหว่างนั้นแม่ก็กล่าวคำส่งดวงวิญญาณของลูกชายให้ไปสู่สุขคติ ไปสู่ภพภูมิที่ดีทั้งน้ำตา

และวินาทีที่บีบหัวใจอีกช่วงหนึ่งคือเวลาที่แม่รดน้ำศพลูกชายทั้งน้ำตา ก่อนจะเข้าไปโอบกอดและหอมที่บริเวณใบหน้าหลายครั้งด้วยความอาลัยสุดหัวใจของคนเป็นแม่ ทั้งนี้แม่ยังพยายามปลุกร่างไร้วิญญาณของลูกชายด้วยความคิดถึงด้วยว่า “เฟียตมาอยู่กับแม่นะ ทิ้งแม่ไปทำไมเฟียต ตื่นน่ะเฟียต” จนกระทั่งมีญาติมาประคองแม่ออกไปพัก ส่วน “นายโฟล์ค” พี่ชายของผู้ตายก็ยังคงนั่งเฝ้าศพไม่ห่าง

โดยในงานศพ “นายธนวัตร สันทัด” หรือ “นายเบล” อายุ 37 ปี เพื่อนของผู้ตายที่อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าตัวบอกว่าเท่าที่อยู่ตรงนั้น จริง ๆ แล้วก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ตนผู้ตายและพี่ชายผู้ตายนั่งกันอยู่ที่หน้าบ้าน ก็มี “นายนิด” เดินเข้ามาคุยกับ “นายโฟล์ค” เกี่ยวกับเรื่องทำรั้วล้ำเขตบ้าน คล้ายกับว่าเพื่อนของ “นายนิด” ทำรั้วบ้านล้ำเข้ามาในเขตบ้านของ “นายโฟล์ค” และที่ผ่านมาก็มีการบอกให้เลื่อนออกตลอดแต่ไม่มีการเลื่อนสักที เมื่อคืน “นายโฟล์ค” ก็เลยทำท่าจะต่อย “นายนิด” แต่ “นายนิด” หนีออกไปทางข้างบ้าน

จากนั้นพอ “นายโฟล์ค” ออกไปข้างนอกกลุ่มผู้ก่อเหตุก็เข้ามา โดยมี “นายนิด” เดินมาด้วย ตนจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหรือเปล่า บวกกับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง “นายโฟล์ค” และ “นายอ๊อด” ก็มีส่วน แต่เรื่องนั้นตนไม่รู้รายละเอียด เพียงแค่มาทราบภายหลัง ช่วงที่เกิดเหตุทุกอย่างชุลมุนมากตนจำได้ว่าโดนใครก็ไม่รู้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุฟาดด้วยไม้เบสบอลและที่ช็อตไฟฟ้า ขณะนั้นตนก็เอามือขวาขึ้นมาบังใบหน้า ทำให้ถูกตีที่บริเวณข้อมือจนเขียวช้ำ และถูกตีที่บริเวณสะโพกด้วย แม้จะไม่เป็นรอยแต่มีอาการปวดเมื่อยจนถึงตอนนี้

ส่วน “นายเฟียต” หลังจาดโดนรุมตีจนลงไปนั่งกับพื้น ก็โดนยิงต่อเนื่องทันที 3 นัด โดยที่ไม่มีโอกาสได้สู้กลับเลย ตอนนั้นตนกับแม่ของผู้ตายก็พยายามหลบเข้าไปอยู่ในบ้านพร้อมกับส่งเสียงห้าม แล้วเมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุไป จึงรีบวิ่งออกมาดูร่างของ “นายเฟียต” และนำส่งโรงพยาบาล ปกติแล้ว “นายเฟียต” จะเป็นคนดีมาก ไม่เคยมีปัญหากับใคร ตนรักเพื่อนคนนี้มาก เขาเองก็รักเพื่อนมากด้วย แต่พอมาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นก็เสียใจและเสียดายมากจริง ๆ

ส่วนบ้านของ “นายอ๊อด” ซึ่งอยู่ภายในซอย 29 และครอบครัวของผู้ตายบอกว่า เป็นสถานที่ที่เปิดเป็นบ่อนไฮโลนั้น ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวเดินทางเข้าไปที่บริเวณหน้าบ้านของ “นายอ๊อด” แต่กลับพบว่าบ้านปิดเงียบคล้ายกับว่าไม่มีคนอยู่ เท่าที่สำรวจยังไม่พบอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเล่นการพนัน

ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงประมาณ 15 คน ที่รวมตัวกันอยู่บริเวณข้างบ้านของ “นายอ๊อด” ได้บอกกับทีมข่าวว่า “นายอ๊อด” และครอบครัวประกอบด้วยน้องชาย หลานชายและภรรยาได้ออกจากบ้านไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าไปตอนไหน ไม่รู้ว่าไปไหน และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นคนเกเรหรือไปก้าวร้าวใส่ใคร แต่ส่วนตัวไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ เพราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกตนไม่รู้ต้นสายปลายเหตุและคนที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ถ้าถามว่าบ้านของ “นายอ๊อด” เปิดเป็นเป็นบ่อนจริงไหม วัยรุ่นกลุ่มนี้ก็บอกว่าไม่เคยเห็นว่าจะมีการเปิดบ่อน มองว่าอาจจะเป็นการเล่นของเด็ก ๆ เช่นเล่นไพ่ตาละ 5 บาท 10 บาท แต่ยืนยันว่าถ้าเปิดเป็นบ่อนไม่มีแน่นอน เพราะถ้ามีจริง ๆ ก็คงถูกร้องเรียนไปแล้ว

ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในซอย 29 ก็บอกกับทีมข่าวว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เลย แต่ยืนยันว่าภายในซอยนี้ “นายอ๊อด” ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลหรือมีอำนาจควบคุมใครได้ เพราะส่วนใหญ่ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องบ่อนตนก็บอกว่าไม่รู้ ไม่เคยเห็นว่าจะมีการมั่วสุมอะไรกันภายในซอยด้วย แต่ที่ผ่านมาอาจจะมีตำรวจเข้ามาบ้าง แต่เป็นลักษณะสอดส่องดูแลความเรียบร้อย ไม่ได้มีการจับบอลหรือว่าสิ่งผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 19.20 น. ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของ 1 ในวัยรุ่นที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดทราบชื่อ “นายหยอง” อายุ 18 ปี มีบ้านอยู่ในซอย 35 แต่เมื่อไปถึงญาติบอกว่า “นายหยอง” ออกไปทำงานข้างนอกจะกลับมาอีกทีในช่วงดึก จึงต่อสายให้ทีมข่าวสอบถามข้อเท็จจริงจาก “นายหยอง” ทางโทรศัพท์ เนื่องจากในภาพวงจรปิด “นายหยอง” อยู่ในเหตุการณ์และมีท่าทีจะพุ่งเข้าทำร้ายกลุ่มผู้เสียชีวิต แถมยังมีพฤติกรรมถกเสื้อขึ้นมาและปรากฏให้เห็นของบางอย่างสีดำที่เอวคล้ายกับปืน

โดย “นายหยอง” อธิบายกับทีมข่าวทางโทรศัพท์ผ่านการต่อสายโดยญาติว่า ที่ตนได้เข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะตอนแรกตนนั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของ “นายอ๊อด” ที่บริเวณข้างบ้าน “นายอ๊อด” แล้วเห็นว่ามีการวิ่งพากันออกไปจึงตามไปด้วย พอเข้าไปยังซอย 23 ก็เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันซึ่งตนไม่รู้มาก่อนและยืนยันว่าไม่ได้พกอาวุธอะไรไปเลย

ส่วนวัตถุสีดำที่บริเวณเอว ซึ่งปรากฏขณะตนถกเสื้อขึ้นนั้น “นายหยอง” อ้างว่าเป็นเพียงแค่ซองผ้าสีดำเล็กๆที่ตนพกติดตัวไว้ หรือไม่ก็เป็นขอบกางเกงในตนไม่แน่ใจเพราะตอนนั้นกางเกงจะหลุดจะเปิดเสื้อขึ้นเพื่อขยับกางเกงแต่มั่นใจว่าไม่ใช่ปืนแน่นอน และไม่มีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายใครด้วย แค่วิ่งตามไปเท่านั้น พอมีการตีและยิงกัน ตนก็เลยรีบวิ่งออกมา

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากมีการติดต่อมา ตนก็ยินดีจะเดินทางไปให้ปากคำ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่เกี่ยวข้องเลย แค่เข้าไปดูเฉย ๆ ลักษณะเหมือนไทยมุง แล้วถ้าถามว่า “นายอ๊อด” เป็นคนยังไงเท่าที่ตนรู้จัก เขาก็เป็นคนดีไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล สวนกับ “นายเดี่ยว” ที่เป็นมือยิงนั้นตนไม่เคยรู้จักมาก่อน