รวบแก๊งปล้นอส. ที่แท้ 8 รุม 6 หวังชิงเพื่อน ยาบ้าปืนอยู่ครบ ยันปลัดดีไม่ใช่หนอน (คลิป)

จากกรณีแก๊งค้ายาบ้ายกพวกพร้อมอาวุธครบมือบุกชิงยาเสพติดจากเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง จ.สงขลา ขณะทำการล่อซื้อจับกุมใน อ.รัตภูมิ ยึดปืนประจำกายของ เจ้าหน้าที่ไป 5 กระบอก รถเก๋ง 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และยาบ้าของกลางอีก 10 มัด จำนวน 20,000 เม็ด เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 19.45 น. ของวันที่ 18 ต.ค. 65

วันที่ 21 ต.ค. 65 ช่วง 16.00 น. ที่ สภ.รัตภูมิ ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่ม ทยอยพาเข้าห้องมาสอบเค้นสอบ จากการเค้นสอบของเจ้าหน้าที่ มีผู้ต้องหารายหนึ่ง ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าหลังก่อเหตุได้นำรถมิตซูบิชิ มิราด สีดำ ของจ่าสิบเอกไพรัชที่ชิงไปขับหลบหนีและนำรถไปทิ้งน้ำ อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำบ้านควนนา หมู่ 7 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 7.1 กิโลเมตร

โดยคนร้ายได้ใช้วิธีขับรถที่ชิงมาจอดหันหัวรถเข้าอ่างเก็บน้ำ ก่อนลงจากรถและปลดเกียร์ว่าง ปล่อยรถให้ไหลพุ่งลงอ่างเก็บน้ำไปเอง จากนั้นได้ขึ้นรถอีกคันที่ขับมาด้วย และหลบหนีต่อ หลังจากได้ข้อมูลตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดดังกล่าวที่คนร้ายให้พิกัด และพบบริเวณริมอ่างเก็บน้ำมีร่องรอยล้อรถลงไปในอ่างน้ำจริง จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย นักประดาน้ำลงงมค้นหาทันที ทีมนักประดาน้ำได้ใช้เวลาค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมงจนพบว่ามีรถเก๋งของเจ้าหน้าที่ที่ถูกชิงมาถูกทิ้งอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำจริง

ช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่ได้นำสลิงผูกกับรถที่อยู่ใต้น้ำลากขึ้นมาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากความลึกของอ่างเก็บน้ำลึกกว่า 8 เมตร และรถจมอยู่ใต้น้ำห่างจากฝั่งกว่า 20 เมตร ความยาวของสลิงไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงต้องนำโซ่ต่อกับสลิง เพื่อเพิ่มระยะในการลากขึ้นมา

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ลากรถขึ้นจากน้ำพบว่าอยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า ข้าวของภายในรถมีกระเป๋าที่ภายใน มีบัตรของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กุญแจมือ 2 คู่ โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง เอกสารทางราชการอีกบางส่วนถูกรวมอยู่บริเวณเบาะหน้ารถ ส่วนด้านภายในกระโปรงหลังรถ พบเสื้อผ้าจำนวนมากใส่ถุงประมาณ 3-4 ถุง ถูกกองรวมกันอยู่

จากนั้น ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา 2 คน ที่ถูกจับได้นำตัวลงจากรถตู้ลงมาชี้จุดที่ทิ้งรถลงน้ำ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนั้น ตำรวจได้นำขึ้นรถตู้ขับออกไป โดยระหว่างควบคุมตัวขึ้นรถ ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่าทำไมถึงก่อเหตุ และต้องนำรถมาทิ้ง เจ้าตัวยังคงปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถาม

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 9 ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ตำรวจกองปราบและตำรวจ สภ.รัตภูมิ ได้ควบคุมตัว นายกัมปนาท หมัดอาด้ำ หรือ บังดล และนายเสริมศักดิ์ ศรีสุวรรณ ไปค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในพงหญ้าริมถนน สายห้วยโอน-คลองต่อ หมู่10 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ

โดยพบอาวุธปืนจำนวน 3 กระบอก เป็นปืนสั้น 9 มม.2 กระบอก และปืน M4 อีก 1 กระบอก ซึ่งถูกห่อด้วยเสื้อกันฝนเอาไว้ ส่วนยาบ้าที่คนร้ายชิงไปจำนวน 20,000 เม็ดมีรายงานเจ้าหน้าที่ตามคืนมาได้แล้วเช่นกัน ถูกนำไปซุกไว้ในพงหญ้า

ตรวจสอบข้อมูลล่าสุด พบว่ากลุ่มแก๊งค้ายาบ้าที่ใช้ก่อเหตุ มีทั้งหมด 9 คน เป็นผู้ที่ร่วมก่อเหตุ 8 คน ส่วนอีกคน เป็นเจ้าของบ้านที่ใช้ประชุมวางแผนก่อเหตุ คือนายธีระวุฒิ หัวแหวน หรือ เลี่ยม ถูกจับแล้ว วันเกิดเหตุใช้รถทั้งหมด 3 คันในการก่อเหตุ คือ โตโยต้า ยาริส สีขาว, โตโยต้า วีออส สีขาว และรถกระบะอีซูซุ สีดำ มีคอก จากข้อมูลล่าสุดตำรวจได้ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุแล้วทั้งหมด 5 คน จาก 9 คน

โดยจับได้แล้ว 4 คน ประกอบด้วย 1.นายเสริมศักดิ์ ศรีสุวรรณ หรือ เสริม, 2.นายอัฟฟาน แก้วเรืองศรี หรือ บี, 3.นายกัมปนาท หมัดอาด้ำ หรือ บังดล, 4.นายธีระวุฒิ หัวแหวน หรือ เลี่ยม

พลตำรวจโทนันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เดินทางมาประชุมวางแผนที่ สภ.รัตภูมิ เพื่อเร่งรัดคดี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ตำรวจชุดสืบสวนทุกหน่วยกำลังเร่งไล่ล่าตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่อย่างหนักหน่วง ได้ใช้ชุดสืบสวนจากหลายหน่วยด้วยกัน ทั้งสืบของภูธรภาค 9, สืบจังหวัดสงขลา, สืบ สภ.รัตภูมิ และสืบสวนของกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ทุกคนต่างทำงานหนัก แทบไม่ได้หลับ เพื่อให้ได้ตัวเร็วที่สุด

ตอนนี้คดีคืบหน้าไปมากแล้ว ตำรวจรู้ตัวกลุ่มคนร้ายทั้งหมดแล้ว และได้รวบรวมหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับไปแล้ว 5 คน และได้ตัวคนร้ายมาแล้ว 3 คน จากการตรวจสอบ ยืนยันว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ มีไม่ถึง 20 คนอย่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้ข้อมูล และจากข้อมูลล่าสุดตอนนี้ยืนยันคนร้ายมีไม่เกิน 10 คน ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขชัดเจนได้ เนื่องจากข้อมูลไหลเข้ามาเรื่อย ๆ กลุ่มคนร้ายเป็นแก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่ของ จ.สตูล และอ.บางกล่ำ จ.สงขลา

ส่วนอาวุธปืน 5 กระบอก ของกลางยาเสพติด 20,000 เม็ดที่กลุ่มคนร้ายชิงไป ตอนนี้กำลังเร่งติดตามอยู่ยังไม่ได้กลับมา ส่วนรถของคนร้ายที่ก่อเหตุตรวจยึดมาได้แล้ว 1 คัน เป็นรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน ขข 6621 สุราษฎร์ธานี ส่วนแก๊งคนร้ายจะมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมขบวนการหรือไม่ ตรวจสอบตอนนี้ยังไม่พบว่าข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกัน แต่ได้ให้ตำรวจอีกชุดกำลังไล่ตรวจสอบบัญชี และเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้งหมดอยู่

ส่วนประเด็นเรื่องกล้องวงจรปิดที่ก่อนจะเกิดเหตุมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดไฟ ขับเข้าไปภายในซอยที่เกิดเหตุช่วงประมาณ 18.00 น. เย็นวันที่ 18 ต.ค. ก่อนจะเกิดเหตุไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้หรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะมีการล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่ใกล้เคียง ตนเองเพิ่งทราบข้อมูลว่ามีรถตำรวจเข้าไปด้วย แต่จะไปตรวจสอบว่าตำรวจในพื้นที่รับรู้หรือไม่ แต่เท่าที่ตรวจสอบวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไม่ได้ประสานกับตำรวจมาว่าจะล่อซื้อยาเสพติด รถตำรวจดังกล่าวอาจจะออกตรวจภายในซอยแถวนั้นหรือไม่ ตนเองขอเวลาไม่เกิน 2 วัน เชื่อว่าตำรวจจะตามจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้

บรรยากาศที่ สภ.รัตภูมิ ตำรวจชุดสืบสวน ได้แบ่งทีมกันแยกสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้บางส่วน เพื่อขยายผลจับกุม โดยหนึ่งในคนร้ายที่ถูกตำรวจออกหมาย คือนายเสริมศักดิ์ ศรีสุวรรณ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับได้ ตำรวจได้นำตัวเข้าห้องสอบเครียดและได้เตรียมแจ้งข้อหาหนัก 7 ข้อหาด้วยกัน คือ

1. ปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด, 2. ต่อสู้ หรือ ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธ, 3.เป็นอั้งยี่, 4.ซ่องโจร, 5.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, 6.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, 7.พาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัวนายธนกร สุวรรณชนะ หรือ โด่ง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับกุมพร้อมยาบ้า 20,000 เม็ด ไปฝากขังต่อที่ศาลจังหวัดสงขลา โดยแจ้งข้อหามีและครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อจำหน่าย ทีมข่าวพยายามสอบถามนายธนกรระหว่างตำรวจควบคุมนายธรกรขึ้นรถผู้ต้องหา ว่ารู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองถูกแก๊งค้ายาบ้าอีกกลุ่มตลบหลังหรือไม่ เจ้าตัวมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ปิดปากเงียบ

หลังตำรวจออกหมายจับนายเสริมศักดิ์ ศรีสุวรรณ 1 ในแก๊งค้ายาที่ร่วมก่อเหตุชิงของกลางยาบ้าจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายเสริมศักดิ์ ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 2.6 กิโลเมตร นางเจริญ ศรีสุวรรณ อายุ 66 ปี แม่ของนายเสริมศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า ตนเองเพิ่งทราบข่าวจากนักข่าวว่าลูกชายถูกออกหมายจับว่ามีส่วนร่วมกับแก๊งค้ายาบ้า และไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายจะไปก่อเหตุด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ 2 วัน ช่วงเย็นลูกชายยังแวะซื้อกับข้าว ลูกชิ้นมาให้ตนเอง และสามีกินอยู่เลยที่บ้าน จากนั้นลูกชายก็ได้นั่งรถเก๋งสีเทา ที่เพื่อนผู้ชาย 1 คนมารับออกไปจากบ้าน บอกกับตนเองว่าจะแวะไปงานศพเพื่อน และจะไปทำธุระข้างนอก เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ เชื่อว่าลูกชายน่าจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายเคยถูกเจ้าหน้าที่ยัดยาเสพติด 17 เม็ด และทำให้ลูกชายต้องติดคุกถึง 3 ปีกว่า เพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 4 เดือน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกชายจะไปร่วมก่อเหตุเพราะแค้นเจ้าหน้าที่หรือไม่ แต่ตนเองคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะลูกชายก็วัน ๆ เอาแต่เข้าสวนยาง และสวนปาล์ม

นอกจากนี้ให้ทีมข่าวดูโทรศัพท์สายสุดท้ายที่ลูกชายโทรศัพท์หาวานนี้ ซึ่งได้คุยกันเพียง 3 นาที ลูกชายบอกว่าอยู่ข้างนอกเดี๋ยวค่อยกลับ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้อีกเลย ระหว่างนั้น นางเจริญได้ลองโทรศัพท์หาลูกชายอีกครั้ง แต่ก็ไม่รับสาย

ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของจ่าเอกไพรัช แก้วมณี เจ้าพนักงานปกครอง รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา หัวหน้าทีมที่ล่อซื้อยาเสพติดจากคนร้าย จากการสอบถามญาติของจ่าเอกไพรัช ให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้จ่าเอกไพรัชเคยเป็นปลัดอำเภออยู่ที่ จ.ระนอง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ จ.สงขลา ซึ่งจ่าเอกไพรัชเป็นคนขยัน ทุ่มเท และตั้งใจทำงานมาก

ตนเองไม่ค่อยเจอจ่าไพรัช เพราะแกจะทำแต่งาน แต่ในทุกเดือนจะแวะมาเยี่ยมพ่อเป็นประจำ เป็นลูกที่กตัญญู หลังเกิดเรื่องทางญาติ ๆ ก็ไม่มีใครเล่าเรื่องนี้ให้พ่อจ่าไพรัชได้รู้ เพราะแกอายุมากแล้ว กลัวจะคิดมาก แต่ตนเองก็เชื่อว่าจ่าไพรัชเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเทกับการทำงานคนหนึ่ง

จากประวัติจ่าเอกไพรัช เคยเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธินอยู่ 2 ปี เข้ารับราชการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ประจำการที่จังหวัดนราธิวาส จนได้รับยศจ่าเอก ก่อนจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบนิติศาสตรบัณฑิต แล้วหันเหเส้นทางชีวิต สอบเข้าเพื่อบรรจุเป็นปลัดอำเภอ นอกจากนี้ จ่าเอกไพรัชยังเคยได้รับรางวัลชมเชยปลัดอำเภอดีเด่น โครงการปลัดอำเภอแหวนทองคำ พ.ศ. 2563 ตนเองเชื่อว่าจ่าเอกไพรัช ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติดแน่นอน และรู้สึกเห็นใจ และสงสารที่จ่าเอกไพรัชต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้