เปิดหลักสูตรเผชิญเหตุกราดยิง ไขปริศนาเด็กควรฟังเสียงปืน ยึดคติ LCAN สู้เพื่อรอด (คลิป)
กรณีที่มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านสวนผัก มีการเผยแพร่เรื่องราว เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมอบรมการฝึกเอาตัวรอดในสถานการณ์กราดยิง มีทีมครูฝึกจากโรงเรียนนายร้อยสามพรานเป็นวิทยากร และจัดการฝึกสอนนักเรียนชั้นมัธยมของโรงเรียน ทำให้มีการเผยแพร่กันในวงกว้างในช่วงสถานการณ์นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 7 ต.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางมายังโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ส่วนงานศูนย์ฝึกวิชาชีพตำรวจและการบังคับใช้กฎหมาย ต.สามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ต.อำนาจ เดชบุญเหลือง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกตำรวจ รร.นายร้อยตำรวจ (ผบก.ศฝต.รร.นตร.) ระบุว่า กองบังคับการศูนย์ฝึกโรงเรียนนายร้อยตำรวจนั้น มีการจัดการเรียนการสอนนายร้อยตำรวจ เป็นหลักอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาคือ หลักสูตรสำหรับบุคคลภายนอกระดับปริญญา หรือบุคคลประชาชาชนทั่วไป อีกทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย องค์กร หน่วยงาน อื่นที่อยากมีความ รู้เกี่ยวกับการฝึกก็สามารถมา ฝึกเพิ่มเสริมองค์ความรู้ได้
โดยหน่วยงานมีด้วยกันหลายภาคส่วน กลุ่มงานฝึกตามแบบตำรวจ ยุทธวิธีตำรวจฝึกยิงปืน กลุ่มงานฝึกพละศึกษา การต่อสู้ป้องกันตัว การดำเนินงานเอกสาร ส่วนใหญ่ก็จะมีการจัดฝึกกลุ่มงาน พละศึกษาและการป้องกันตัว และยุทธวิธีการใช้อาวุธอย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องบุคคลภายนอกองค์กร สถาบันการศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัยนั้นอยากจะเสริมความรู้ในด้านใดให้นักเรียน ก็สามารถติดต่อมาได้ โดยทำหนังสือเสนอขอจัดการฝึกอบรมเรื่องที่ต้องการมา เช่น ฝึกฝนอบรมการป้องกันตัว หรือ ฝึกฝนยุทธวิธีในการใช้อาวุธ
ทางกองบังคับการศูนย์ฝึกนั้นก็จะรับเรื่องและตรวจสอบพูดคุยกับทาง ผู้ร้องเพื่อหาวันและเวลาที่เหมาะสมในการจัดเตรียมการฝึกอบรมตามหลักสูตรต่าง ๆ ที่ได้มีการจัดเสนอมา โดยทางกองบังคับการศูนย์ฝึกก็จะเตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์ หลักสูตรการสอนและจัดหาเวลาของครูฝึก เพื่อเข้าฝึกสอนกับทางบุคคลภายนอก
จากสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นยอมรัยว่าต้องขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระยะหลังเริ่มมีทาง ผู้อำนวยการโรงเรียน เริ่มให้ความใส่ใจมากขึ้น ได้มีการติดต่อเข้ามาให้มีการจัดการอบรม แต่ตนเองมองว่า น่าจะควรมีวิชาในการจัดการเรียนการสอนในการเอาตัวรอด ให้อยู่ในวิชานึง ในโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม การฝึกอบรมตนเองมองว่าไม่ใช่เพียงแค่สอนนักเรียนเพียงอย่างเดียวซึ่งการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นจะต้องมีผู้ที่ได้รับการอบรมตั้งแต่สวนหน้า เช่น เจ้าหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าโรงเรียน และลำดับต่อมาก็คือคุณครูอาจารย์ จะต้องทราบและรู้วิธีขั้นตอนในการปฏิบัติขั้นต้นหากเกิดเหตุการณ์หรือมีบุคคลต้องสงสัยเดินทางเข้ามายังในสถานพื้นที่โรงเรียน ลักษณะผิดแปลก จะต้องเป็นด่านแรก ๆ ในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเกิดขึ้น ในส่วนต่อมานักเรียนเองก็จำเป็นต้องรู้วิธีในการหลีกเลี่ยงหลบหนีจากสถานการณ์ดังกล่าวให้ได้ โดยจะมีวิธีในการเรียนการสอนที่ใช้กันคือ RUN HIDE FIGHT วิ่ง แอบ ต่อสู้
พ.ต.ท.อนุพงษ์ ลิ้มศิริ ครูฝึก ตำแหน่งสารวัตรกลุ่มงานการฝึกแบบตำรวจศุนย์ฝึกตำรวจ รร.นายร้อยตำรวจ ระบุว่า การจัดการเรียนการสอนนั้น ทางด้านหน่วยกลุ่มงานของตนเองนั้นรับผิดชอบ ในเรื่องของการให้ความรู้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นักเรียนนายร้อยตำรวจ และให้ความรู้ในภาคของประชาชน โดยมีการให้ความรู้กับบุคคลทั่วไป ทั้งโรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย และองค์กรอื่น ๆ ที่ร้องขออยากให้ถ่ายทอดการเรียนรู้ มีการเตรียมครูฝึกและจะนัดแนะวัดว่างพร้อมตรงกัน เพื่อนเข้าสอนอบรม
ล่าสุดในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านสวนผัก ในกรุงเทพมหานคร ทางกลุ่มครูฝึกมีแนวความคิดว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นนับว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็ก แต่จะต้องมีการเตรียมการบรรยายการเรียนการสอนว่าอะไรคือสถานการณ์กราดยิง (Active Shooter) ลักษณะของผู้ที่เตรียมการจะก่อเหตุจะมีพฤติกรรมอย่างไร โดยได้มีการสอนเรื่องเสียงต่าง ๆ ให้กับนักเรียน โดยให้นักเรียนลองหลับตา แล้วเปิดเสียง ลูกโป่งแตก เสียงประทัด และเสียงปืน เพื่อให้เด็กได้เข้าใจถึงเสียงที่แตกต่าง เพื่อจะได้แยกได้
ทั้งนี้ มีการสอนลักษณะบุคคลการเดินเข้ามา ผู้เดินผ่านไปมา ควรสังเกตผู้ไม่ปกติเดินเข้ามาในโรงเรียน สังเกตว่ามีการพกพาอาวุธที่ดูไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ควรจะทำอย่างไร และสอนการแยกแยะระหว่างเหตุการณ์กราดยิง และเหตุการณ์จับตัวประกันว่าควรแยกแยะอย่างไร เพื่อจะได้ทราบและดำเนินการวิธีขั้นตอนการหลบหนี และแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ถูกต้อง
ต้องยอมรับว่าลักษณะการก่อเหตุกราดยิง คนร้ายนั้นมีเป้าประสงค์เข้ามาเพื่อก่อเหตุ และทำร้ายคนโดยไม่สนใจว่าเป็นใคร และทำร้ายให้ได้มากที่สุดในเวลาที่จำกัด พื้นที่เกิดเหตุส่วนใหญ่นั้นจะเป็นพื้นที่จำกัด เช่น โรงเรียน ออฟฟิศ และห้างสรรพสินค้า โดยจะเป็นไปในรูปแบบการหลีเลี่ยงการหาวิธีเอาตัวรอดนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อคือ RUN HIDE FIGHT
1. Run (หนี) เมื่อเผชิญเหตุ สิ่งแรกที่ต้องทำคือวิ่งหนีหาทางออกที่ปลอดภัยที่สุด โดยการมองหาประตู หรือทางออกฉุกเฉิน เพื่อออกจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด หากเป็นไปได้ให้พาเพื่อนและคนรอบข้างออกไปด้วย ขณะวิ่ง ต้องพยายาม เก็บเสียงให้เงียบและวิ่งให้ไวที่สุด อย่ากลับเข้าพื้นที่นั้นโดยเด็ดขาด หากได้ยินเสียงปืนทางไหน แนะนำให้วิ่งไปฝั่งตรงข้ามโดยไม่ต้องสนใจอะไร แต่หากใกล้ตัว พบเห็นผู้เกิดอาการหวาดระแวง ทำอะไรไม่ถูกควรช่วยเหลือประคองหนีมา ที่สำคัญสำภาระต่างๆไม่ต้องกลับไปเก็บ ยกเว้นเพียงแต่เก็บมือถือเอาไว้กับตัวเผื่อใช้ในการติดต่อ
2. Hide (ซ่อน) หากวิ่งจนเจอทางตันแล้ว ถัดมาคือการซ่อน และข้อพึงระวังคือห้ามซ่อนหลังประตู เพราะประตูมักจะเป็น จุดแรกๆที่คนร้ายจะเล็งเป็นเป้า และประตูก็ไม่สามารถกันกระสุนได้ ควรมองหาจุดที่กันกระสุนได้ หรือ หากเป็นห้อง ให้ล็อคกลอนและหาวัตถุที่มีน้ำหนักมาขวางประตูไว้ เมื่อหาที่ซ่อนได้แล้ว เราต้องอยู่ให้เงียบที่สุด ปิดระบบเสียงโทรศัพท์ และปิดระบบสั่น หรี่แสงของโทรศัพท์ให้เหลือน้อยที่สุด รอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลง
3. Fight (สู้) เมื่อถึงทางออกสุดท้าย หนีไม่ได้แล้ว เราต้องหันหน้ามาสู้ เพื่อหาทางรอดอีกครั้ง อันดับแรก ควบคุมสติ มองหาสิ่งรอบตัวที่เป็นอาวุธได้ ปากกา ขาแว่น หรือหาของแข็งที่จับกระชับมือ มุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนต่าง เช่น จิ้มตา ต้นคอ หรือ จุดอ่อนอื่นๆ เมื่อคนร้ายเสียหลักให้พยายามหนี ให้เร็วที่สุด
ขณะที่หลายจังหวัดตื่นตัว เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และป้องกันเหตุไม่คาดคิด โดยที่ จ.นนทบุรี มูลนิธิปากเกร็ด ผู้ปกครองก็มีการไปส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียน โดยไม่ให้เข้ามาภายในสถานที่ เพื่อป้องกันอันตราย รวมถึงอีกหลายจังหวัด ทั้ง จ.ชัยนาท จ.สงขลา ด้วยเช่นกัน
Advertisement
