กรณีเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.ย. 65 ร.ต.อ.อุทัย โตภูเขียว รองสารวัตรสอบสวน สภ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง บ้านน้ำซำ หมู่ 5 ต.ภูผาม่าน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์เวรจาก รพ.ภูผาม่าน หน่วยกู้ภัยจีแชเกาะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 และสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ขณะหลบหนีไปกับภรรยานั้น
วันที่ 9 ส.ค. 65 เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัวนายรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ระหว่างเดินทางออกจากห้องสอบสวน เพื่อไปขึ้นรถ นายรุ่งโรจน์ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า "ตัวเองยังไม่ได้เลิกรา กับนางสาวเบญจมาศ แล้วก็ยืนยันว่า การก่อเหตุครั้งนี้ ตัวเองไม่ได้วางแผนมาก่อน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาไปทำแผนญที่จุดเกิดเหตุ ห้องหมายเลข 3 ห้องของผู้ตาย และหมายเลข 4 ห้องของผู้ก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาตัวผู้ก่อเหตุไปชี้จุดยิงบริเวณที่ตั้งอ่างจากุซชี่
หลังจากทำแผนในรีสอร์ตที่เกิดเหตุเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหา ชี้จุดเกิดเหตุจุดที่ 2 บริเวณป่าหน้ารีสอร์ต ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุ มาจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ ก่อนเข้าไปรีสอร์ต ระหว่างทางเดินจากรีสอร์ตไปหาจุดทิ้งรถ
ผู้สื่อข่าวถามนายรุ่งโรจน์ว่า นางสาวเบญจมาศ มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุหรือไม่ นายรุ่งโรจน์ตอบว่า "ใช่ครับ ในการก่อเหตุมีการนัดแนะกับเมียครับ หลังเกิดเหตุตัวเองและภรรยาก็หลบหนีไปด้วยกัน เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น" ทีมข่าวสอบว่าที่บอกว่าภรรยามีส่วนร่วมอย่างไร นายรุ่งโรจน์ตอบว่า "เขาบอกให้ผมมาจัดการ"
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหาไปชี้จุดทิ้งรถ ทีมข่าวถามนายรุ่งโรจน์ย้ำว่าภรรยาสั่งให้มาจัดการคนตายจริงใช่ไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า "ผมบอกไม่ได้ครับ อยากฝากถึงแม่ และลูก ๆ ตัวเองว่าผมคิดถึงทุกคนครับ แต่ผมมีเหตุผล ทุกอย่างมีเหตุผล"
กล้องวงจรปิดห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร เวลา 20.54 น. ของวันที่ 7 ก.ย. 65 เห็นรถเก๋งของนางสาวเบญมาศ ซึ่งเป็นคนขับ และมีนายรุ่งโรจน์นั่งไปด้วยในรถ โดยรถคันดังกล่าวขับออกจากรีสอร์ตจุดเกิดเหตุ เพื่อมุ่งหน้า อ.ด่านซ้าย จ.เลย ก่อนไปถูกจับที่ จ.ลำปาง ขณะที่ภาพนิ่งวงจรปิดอีกชุดหนึ่งที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย จับภาพรถของนางสาวเบญจมาศขับหลบหนี
ช่วงค่ำวันนี้ ทีมข่าวพยายามเข้าไปสอบถาม นางสาวเบญจมาศ เนื่องจากตอนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายรุ่งโรจน์ผู้ต้องหาได้อ้างว่ารู้เห็นเกี่ยวกับการตาย และเป็นคนสั่งให้จัดการคนตาย แต่นางสาวเบญจมาศไม่ตอบคำถามทีมข่าวประเด็นนี้
ส่วนที่กองบังคับการปราปราม พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก พัฒนศักดิ์ บุบผาสวรรค์ รองผู้บังคับการกองปราบปราม, พันตำรวจเอก วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการกองกํากับการ 3 กองบังคับการปราบปราม, พันตำรวจโทเอกสิทธิ์ ปานสีเทา รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบ, พันตำรวจโท ภานุมาศ เเสงส่ง รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบฯ, พันตำรวจตรี ณัฐดนัย ศรีเเข่ไตร สารวัตรกองกํากับการ 3 กองบังคับการปราบปราม และ ร้อยตำรวจเอกอาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ รองสารวัตรกองกํากับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ร่วมแถลงข่าว
พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม กล่าวว่า การจากสอบปากคำของตัวผู้ต้องหาและภรรยายังให้การขัดแย้งกันอยู่ ทั้งในเรื่องความหึงหวงและปัญหาทางการเงิน จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุแท้จริงเกิดจากอะไร และอยู่ในระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียด และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้น
เบื้องต้น จากการสอบปากคำเบื้องต้นตัวผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เท่าที่สังเกตพบว่าอยู่ในอาการเครียด ส่วนภรรยาให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับผู้ต้องหา ก่อนกลับบ้านมาที่จังหวัดขอนแก่นนาน 1 เดือน และเริ่มสานสัมพันธ์คบหากับชายคนใหม่ คือ นายยุทธภัณฑ์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนและไปเที่ยวกันใกล้กับโซนที่พักจุดเกิดเหตุ ก่อนจองที่พักดังกล่าวไว้ ซึ่งผู้ต้องหาทราบจากการโพสต์เช็กอินลงโซเชียล จึงเดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร เพื่อจองที่พักและก่อเหตุ สาเหตุที่ต้องขึ้นรถไปกับผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุ เพราะผู้ต้องหาใช้ปืนจี้และบังคับให้ขึ้นรถไป พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมายังติดต่อกันอยู่ ส่วนรายละเอียดเชิงลึกอยู่ในสำนวน
ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และต้องไปพิสูจน์ทราบจากคำกล่าวอ้างของทั้งคู่อีกครั้ง เนื่องจากนายรุ่งโรจน์ เเละภรรยา ทั้งคู่ยังให้การขัดแย้งกันอยู่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปที่ สภ.ภูผาม่าน จ.ขอนเเก่น แล้ว
พันตำรวจโทภานุมาศ เเสงส่ง รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ผู้ต้องหามีประวัติทางอาชญากรรมรวม 5 คดี ดังนี้
เมื่อปี 53 ผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุพยายามฆ่าคนที่ จ.สมุทรสาคร ต่อมาปี 55 ถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืน จากนั้นปี 63 นายรุ่งโรจน์ได้ก่อเหตุยิงปืนในช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร อีกจำนวน 2 คดี และในห่วงเวลาเดียวกันผู้ก่อเหตุได้ไปก่อเหตุยิงปืนอีกครั้งในพื้นที่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งสาเหตุมาจากการหึงหวงน้องชายของภรรยา ได้ใช้อาวุธปืนยิง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทั้ง 5 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล แต่นายรุ่งโรจน์อยู่ระหว่างหลบหลบหนีประกันตัวในชั้นศาล จนกระทั่งมาก่อเหตุและถูกจับกุมในครั้งนี้
Advertisement