อึ้งแฝดสยาม "ปิ่น-ปาน" คิดใช้มีดสับแยกร่าง ทึ่งกิน-เดินแบ่งกายได้ ฝันทัวร์ดรีมเวิลด์ (คลิป)
จากกรณี แฝดสยามปิ่น-ปาน "ด.ญ.จรูญพัน ร่มโพธิ์เย็น หรือ น้องปิ่น และด.ญ.จรูญโรจน์ ร่มโพธิ์เย็น หรือ น้องปาน" ปัจจุบันอายุ 13 ปี 7 เดือน เกิดเมื่อ 8 ม.ค. 52 มี 2 ศีรษะ 2 ลำตัว 4 แขน 2 ขา มีลำตัวติดกันตั้งแต่ช่วงสะโพกลงมา แต่สามารถควบคุมบังคับขาคนละข้างให้เดิน ทำกิจกรรมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้านการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ดี ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดสันติธรรม ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เข้ากับเพื่อนทุกคนได้ มีความสุขสดใสร่าเริงตามวัย
ล่าสุด วันที่ 29 ส.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับย่าคือ นางนกน้อย พงษ์ชำนาญ ที่วันนี้พา น้องปิ่น-น้องปาน มากรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าตรวจร่างกาย และตรวจสอบพัฒนาโครงสร้างทางกระดูกประจำปี ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และมีครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนนครสวรรค์ปัญญานุกูล อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นโรงเรียนที่เอื้ออำนวยบ้านพักเจ้าหน้าที่ให้กับน้องและครอบครัวได้พักอาศัยในปัจจุบัน ติดตามมาดูแลด้วย
ผลการตรวจพัฒนาการวันนี้ การเจริญเติบโตตามวัย สุขภาพกายร่างกายแข็งแรง ไม่มีภาวะเจ็บป่วย อาจจะมีกระดูกซี่โครงบริเวณเอวของน้องปานที่เริ่มเบี้ยวนิดหน่อย ไม่ถึงขั้นอันตรายหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต กำชับให้ตนช่วยดูแลเวลาเดิน ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหกล้มหรือมีอะไรไปกระทบกระเทือน แต่ด้วยวัยที่โตขึ้น เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอารมณ์ ที่มีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น เริ่มมีการโต้ตอบด้วยประสบการณ์ ความรู้ที่เขาพบเจอหรือได้รับมา อีกทั้งยังมีเรื่องของความรักสวยรักงามตามประสาวัยรุ่นที่ปรากฎได้ชัด
โดยเฉพาะน้องปิ่นที่เริ่มมีการแต่งตัว สะพายกระเป๋า เริ่มอยากมัดผม ในขณะที่น้องปานยังคงสไตล์ชิลเหมือนเดิม แต่จะมีการซัปพอร์ตและเสนอแนะน้องปิ่นว่า "ลองทำแบบนี้ ลองติดอันนี้ ลองทำผลทรงนี้ ห้ามตัดผมนะ" ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไรมาก เพราะ 2 คนกินไม่เหมือนกัน น้องปิ่นจะชอบกินประเภทก๋วยเตี๋ยว ส่วนน้องปานจะชอบกินประเภทข้าว และทั้งคู่มีกระเพาะคนละกระเพาะอยู่แล้ว ใครอยากกินอะไรก็กิน แต่อาจจะมีปัญหาคือน้องปิ่นจะกินน้อย กินไม่ค่อยหมด สุดท้ายน้องปานก็ต้องรับผิดชอบกินแทน เพราะตนมองว่าซื้อมาแล้วก็อยากให้รับผิดชอบร่วมกัน ส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการให้ทั้งคู่คุยกันเองว่ามื้อนี้จะกินอะไร จะได้เป็นอาหารชนิดเดียวที่ทั้งคู่ชอบ
พร้อมกันนี้ ยอมรับว่าการใช้ชีวิต 2 คนใน 1 ร่างแบบนี้ ก็อดที่จะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเรื่องการตกลงไม่ได้ ในการเลือกอะไรสักอย่าง เช่น จะไปซ้ายไปขวา เลือกสถานที่เล่น เลือกสถานที่ที่จะไปเที่ยว จะแก้ปัญหาด้วยการให้ทั้งคู่คุยกัน หาข้อสรุปด้วยตัวของเขาเอง ถ้าหากเคลียร์กันไม่ลงตัวจนถึงขึ้นลงไม้ลงมือกัน ตนก็จะตีทั้งคู่ แล้วก็ไม่ต้องไปไหนเลย มีอยู่เหตุการณ์สมัยทั้งคู่อายุประมาณ 7-8 ขวบ ก็ทะเลาะกัน น้องปานก็คงจะโมโหจนเหลืออดมากแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาจะเป็นฝ่ายยอมตลอด หากอะไรที่ไม่รุนแรงก็จะยอม แต่ครั้งนั้นน้องถึงขั้นพูดกับตนว่า "แม่เอามีดอีโต้มา หนูไม่อยากอยู่กับมันแล้ว หนูเบื่อมัน หนูอยากจะแยกออก" วินาทีนั้นตนก็ทั้งตกใจ ทั้งขำ ก็เลยพูดเตือนสติและสอนไปว่า "ถ้าเอ็งแยกกันออกด้วยการผ่า เอ็งก็ตายทั้งคู่ แล้วเอ็งจะทำไปเพื่ออะไร" ทำให้ทั้งคู่ถึงได้เงียบ กลับมานั่งขำด้วยกันทั้งหมด ปัจจุบันทั้งคู่จำเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อทะเลาะกัน ตนก็พยายามเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังกัน เพื่อเตือนสติ
ขณะที่เรื่องการเรียน ด้วยอายุ 13 ปี น้องจะต้องเรียนระดับชั้นมัธยม 1 แต่เนื่องจากเข้าเรียนล่าช้า ทำให้ปัจจุบันน้องเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดสันติธรรม ผลการเรียนที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ดี เข้ากับสังคมเพื่อนได้สบาย ไม่เคยโดนเพื่อนล้อ และน้องจะถนัดด้านการแสดงออก ร้อง เล่น เต้นมากกว่า แต่เรื่องภาษาไทย ภาษาอังกฤษก็ไม่มีปัญหา สามารถทำการบ้านได้ ไม่ได้ทำให้ตนเป็นกังวล
นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีความฝันอยากจะเป็นครูด้วย มีการปรึกษากับย่าว่าถ้าจะเป็นครู ต้องเรียนไปด้านไหน ตนก็บอกว่าหากสำเร็จการศึกษาแล้วก็ลองสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงของโรงเรียนนครสวรรค์ปัญญานุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนเฉพาะความพิการที่จัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา การได้ยินและบุคคลออทิสติก ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเป็นการทดลองสอนนักเรียนกลุ่มนี้ที่ทั้งคู่คุ้นเคยทุกวันว่าสามารถสอบได้ไหม อยากประกอบอาชีพนี้จริงไหม หลังจากนั้นค่อยไปหาหนทางสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ตนในฐานะย่าและเป็นผู้ปกครอง พร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพื่อไม่ให้น้อง ๆ รู้สึกน้อยหน้าคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่กดดัน ไม่บังคับ ปล่อยให้เขาเป็นอิสระในการเลือกใช้ชีวิตของเขาเอง
นอกจากนี้ ตนและครอบครัวไม่เคยเปิดรับบริจาคเงิน ไม่ว่าจะช่องทางใดก็ตาม เพราะฉะนั้นจึงอยากเตือนภัยกับหลายคนที่อาจจะเห็นรูปภาพหรือคลิปของน้องปิ่น-น้องปานโผล่ในโพสต์ขอรับบริจาคตามโซเชียล เหล่านั้นคือมิจฉาชีพทั้งหมด
"น้องปิ่น-น้องปาน" พูดคุยกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ไม่มีความกังวลใด ๆ บอกว่าวันนี้มาตรวจร่างกาย คุณหมอก็บอกว่าแข็งแรงดี ชมว่าโตไวเดินเก่งขึ้น ส่วนตัวเองก็มีความสุข แฮปปี้ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยด้วย สึกตื่นเต้นกับการมากรุงเทพฯ เหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาก็ตาม ครั้งนี้ทั้งคู่อยากไปเที่ยวสวนสนุกดรีมเวิล์ด อยากไปเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่เคยเห็นตามคลิปในยูทูบ เพราะที่บ้านใน จ.นครสวรรค์ ไม่มีสวนสนุกให้ไปเที่ยว
แต่ที่บ้านก็ยังมีเพื่อน ๆ ในโรงเรียนที่น่ารัก สนุกกับการเรียน ทำให้โตขึ้น จึงมีความฝันอยากเป็นครู เพราะเห็นเวลาครูสอนนักเรียนแล้วรู้สึกชอบ รักเด็ก มีความสุขกับเด็ก ๆ น้องปานบอกว่าอยากเป็นครูภาษาไทย เนื่องจากเรียนรู้ได้ง่าย ชอบเขียนตามคำบอก ส่วน น้องปิ่นอยากเป็นครูวิทยาศาสตร์ เพราะชอบเวลาที่ครูให้ประดิษฐ์ของ และชั่วโมงทดลองวิทยาศาสตร์
ทีมข่าวยังถามถึงเรื่องในอดีตที่ย่าเล่าให้ทีมข่าวฟังว่าทั้งคู่เคยทะเลาะกันถึงขั้นอยากจะแยกร่าง ทั้งคู่ก็แอบขำ เพราะจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าปัจจุบันเคยทะเลาะกันเรื่องอะไรบ่อยสุด คงเป็นเรื่องแย่งกันเล่นติ๊กต็อก เล่นโทรศัพท์ เนื่องจากมีเครื่องเดียว แต่สุดท้ายย่าก็จะเข้ามาห้าม แล้วก็แบ่งกันเล่น
นอกจากนี้ ยังฝากขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เป็นกำลังใจ เอ็นดูและติดตามพัฒนาการของทั้งคู่มาโดยตลอดด้วย พร้อมชวนทีมข่าวเต้นเพลงดังในติ๊กต็อก ทั้งคู่บอกว่านี่เป็นกิจกรรมที่ชอบทำด้วยกันยามว่าง พร้อมกับฝากทุกคนเข้าไปติดตามความน่ารักได้ในติ๊กต็อกชื่อ @123nm94
Advertisement
