บีบใจ! กรีดร้องระงมรุมตบทหารโหดฆ่าเพื่อนหน้าค่าย เมียแค้นแค่ไม่เคารพยิง 20 นัด (คลิป)
กรณีสิบตรีวัชระ อินาลา หรือ เกิ้ล อายุ 29 ปี พลสารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) ค่ายพระยอดเมืองขวาง ถูกคนร้ายจ่อยิงในระยะเผาขน 20 นัด จนเสียชีวิตคาที่ ขณะเข้าเวรรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกอยู่บริเวณทางเข้า-ออกค่ายฯ เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.47 น. ของวันที่ 18 ส.ค. 65
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 19 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 21.30 น. ส.ท.มานิตย์ จันทะพินิจ ผู้ต้องหา ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหว ติดต่อผู้บังคับบัญชาขอมอบตัว โดยนัดเจอกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่านสนามบินนครพนม ซึ่งรถทหารได้วิ่งเข้าไปรับตัว ส.ท.มานิตย์ ที่มีสภาพอิดโรย เนื่องจากไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่หลังก่อเหตุ โดยข้าวมื้อแรกหลังกลายเป็นฆาตกรสังหารเพื่อนร่วมค่าย ทานอยู่ในห้องสอบสวนสภ.เมืองนครพนม
ล่าสุด 20 ส.ค. 65 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ได้คุมตัว ส.ท.มานิตย์ จันทะพินิจ ผู้ต้องหา ออกจากห้องคุมขัง เพื่อมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน บรรยากาศขณะคุมตัวผู้ต้องหามานั้น ผู้สื่อข่าวถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และเรื่องการก่อเหตุว่าได้เตรียมการวางแผนมาก่อนหรือไม่ แต่ ส.ท.มานิตย์ ก็ไม่ได้ตอบคำถาม มีสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ห้องของ ผกก.สภ.เมืองนครพนม โดยใช้เวลาสอบปากคำถึงเวลา 12.00 น.
เวลา 11.00 น. นางสาวสกาวเดือน ขันจันทร์ อายุ 32 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ได้อุ้มลูกชายอายุกำลังจะครบ 1 เดือน มารอดูหน้าผู้ก่อเหตุที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองนครพนม นอกเหนือจากภรรยาผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีญาติของผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน ที่มาด้วย เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ได้ให้นางสาวสกาวเดือน ขันจันทร์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา อยู่ภายในห้องสอบสวนชั้น 2 สภ.เมืองนครพนม โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นนางสาวสกาวเดือน ได้ร้องไห้ฟูมฟาย ออกมาจากห้องสอบสวน
นางสาวสกาวเดือน เปิดใจว่า "เจอหน้ามัน มันพูดคำว่าขอโทษคำเดียว มันไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ" อ้างว่าสามีตัวเองไม่เคารพเขา ซึ่งเป็นรุ่นพี่ และมียศที่สูงกว่า โดยวันเกิดเหตุผู้ต้องหาเขาจะขับรถกลับบ้าน ขณะขับรถมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุที่หน้าค่าย เขาได้เจอกับสามีตัวเองที่ยืนเข้าเวรอยู่หน้าป้อม แล้วเขาก็อ้างว่าสามีตัวเองไม่ทำความเคารพเขา ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ รู้สึกโกรธสามี จึงคว้าปืนออกมากระหน่ำยิงสามีจนเสียชีวิต
ตัวเองคิดว่าปมก่อเหตุ ต้องมีมากกว่าที่เขาพูดบอกตัวเอง แต่คนก่อเหตุเขาไม่พูด "แค่สามีตัวเองไม่ทำความเคารพเขา เขากลับต้องยิงสามีเป็นสิบ ๆ นัดเลยหรอ แค่นัดเดียวสามีตัวเองก็ตายแล้ว คำขอโทษคำเดียวมันเอาชีวิตแฟนตัวเองกลับมาไม่ได้" ตอนที่ตัวเองเข้าไปเจอกับผู้ต้องหาอยู่ในห้อง เขาก็ไม่สบตาตัวเอง "จิตใจเขาทำด้วยอะไร ทำไมเขาไม่คิดบ้างว่าตัวเองต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัว แล้วลูกตัวเองต้องกำพร้าพ่อ"
คำขอโทษของผู้ต้องหาวันนี้ ตัวเองไม่มีทางจะให้อภัยเขา เพราะคำขอโทษของเขาไม่มีทางที่จะเอาชีวิตสามีตัวเองกลับมาได้ วันนี้ตอนที่ตัวเองเจอหน้าผู้ต้องหาเขาก็ไม่สบตาตัวเองแถมยังก้มหน้า สีหน้าไม่ได้รู้สึกผิดเลย
เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบปากคำ ส.ท.มานิตย์ เสร็จ ได้ควบคุมตัวออกจากห้องสอบสวน เพื่อไปเข้าห้องขัง ระหว่างที่คุมตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้ต้องหาถึงปมการก่อเหตุว่าแค่คนตายไม่ทำความเคารพแค่นั้นหรือ แต่ผู้ก่อเหตุก็ปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ซึ่งภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตที่ห้อมล้อมอยู่แถวนั้น ก็ได้ตะโกนร้องด่าผู้ต้องหา พร้อมกับมีญาติเป็นผู้หญิงได้ใช้มือทุบไหล่ผู้ต้องหา 2 ครั้งอีกด้วย
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังก่อเหตุเวลา 17.48 น. ส.ท.มานิตย์ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีมุ่งหน้าบ้านไทยสามัคคี จากนั้นก็ไปจอดรถมอเตอไซค์นอนอยู่ในป่าระแวกบ้านไทยสามัคคีในคืนวันที่ 18 ส.ค. กระทั่งเวลา 06.00 น. วันที่ 19 ส.ค. 65 ส.ท.มานิตย์ รู้สึกหิวข้าวเนื่องจากไม่ได้ทานข้าวทั้งคืน จึงขับรถออกไปซื้อขนมที่หมู่บ้านไทยสามัคคี ก่อนจะขับรถกลับมาที่ริมห้วยแห่งหนึ่ง แล้วนั่งพักอยูาบริเวณนั้น กระทั่งเวลา 15.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่เดินทางไปยังป่าจุดที่ ส.ท.มานิตย์ หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่
นางบัวไล จันทะพินิจ อายุ 67 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า ตัวเองรู้สึกสบายใจที่ ส.ท.มานิตย์ ลูกชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ เพราะตัวเองก็เป็นห่วงลูก ไม่อยากให้เขาหลบหนีไปไหน เพราะถ้าเขาหนีไปที่อื่น ตัวเองอาจหัวใจสลายก็ได้ ตัวเองเชื่อคำรับสารภาพของลูกชาย ที่เขาบอกว่าคนตายไม่เคารพเขา และคาดว่าลูกชายกับคนตายคงมีการบาดหมางเรื่องที่รุ่นน้องไม่เคารพรุ่นพี่มานานแล้ว
แล้วลูกชายก็เป็นคนเก็บกดมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเขาชอบถูกเพื่อนล้อ เพื่อน ๆ ดูถูกเขามาตั้งแต่ตอนนั้น
ก่อนหน้านี้ ลูกชายเคยหลุดพูดมาว่า "ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับเขาด้วย ไม่รู้ว่าจะได้ฆ่ากันวันไหน" แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าลูกชายพูดหมายถึงใคร เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองดูข่าวอมรินทร์ทีวีเมื่อคืนก็รู้สึกสงสารภรรยาและลูกของผู้เสียชีวิต ลูกเขาก็เพิ่งคลอด แล้วต้องมากำพร้าพ่อ ตัวเองเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะตอน ส.ท.มานิตย์ ลูกชายตัวเองอายุ 5 ขวบ เขาก็เคยสูญเสียพ่อของเขา ที่ป่วยอัมพฤกษ์จนเสียชีวิตมาแล้ว ตัวเองจึงรับรู้ว่าการลูกต้องกำพร้าพ่อเป็นอย่างไร แล้วถ้าภรรยาผู้เสียชีวิตเขาอุ้มลูกมาให้ตัวเองเห็นต่อหน้า ตัวเองคงร้องไห้เสียใจมาก ๆ
ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมลูกชาย ตัวเองอยากจะบอกเขาว่า "ลูกทำแบบนี้มันไม่สมควร ทำไมไม่มีความเมตตาปราณีต่อเพื่อนมนุษย์ จิตใจทำด้วยอะไรทำไมถึงทำลงไปได้" ลูกชายตัวเองมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ และก่อนหน้านี้มีชาวบ้านมาเล่าให้ตัวเองฟังว่าเคยเห็นลูกชายกินยาจิตเวช แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าลูกมีอาการจิตเวชหรือไม่ เพราะว่าตัวเองก็ไม่เคยเห็นยาที่ลูกชายทาน
นางสุพัตรา แสนเขื่อน อายุ 50 ปี น้าคนตาย เล่าว่า เมื่อเที่ยงวันนี้ ขณะตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาออกจากห้องมานั้น ตัวเองเห็นหน้าเขาแล้วอดใจไม่ไหว จึงถอดรองเท้าหวังจะตีผู้ต้องหา แต่ตีไม่ทัน รองเท้าไปโดนตำรวจที่คุมตัวผู้ต้องหาเสียก่อน ซึ่งตอนนั้นตัวเองจำได้ว่าตีไป 3 ที เหตุการณ์ครั้งนี้ ตัวเองมองว่าผู้ต้องหาเขาทำเกินกว่าเหตุ ถ้าหลานชายตัวเองแสดงพฤติกรรมไม่เคารพเขา เขาก็แค่ลงมาชกต่อยหลานชายก็ได้ ทำไมต้องยิงหลานชายกว่า 10 นัดจนเขาตาย เพราะหลานชายเสียชีวิตไป ลูกเขาที่เพิ่งคลอดก็ต้องมากำพร้าพ่อ ตัวเองอยากให้ผู้ก่อเหตุ เขารับโทษถึงที่สุด ถ้าเขาไม่ได้รับโทษประหารชีวิต ก็ให้ขังคุกตลอดชีวิต
Advertisement
