จากกรณี วันที่ 8 ส.ค. 65 ที่ จ.สงขลา เกิดเหตุเด็กชายอายุเพียงแค่ 2 ขวบกว่า ถูกคนร้ายปริศนาอุ้มจากเบาะที่นอนในบ้านพักไปทุบตีทำร้ายร่างกายจนน่วม เนื้อตัวเกิดรอยแดงช้ำเกือบทั้งตัว และยังมีแผลพุพองตามตัวอีกหลายจุดเหมือนกับถูกไฟจี้ ซึ่งแม่ของเด็กได้ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เคยแจ้งความกับตำรวจไว้ แต่คดียังไม่คืบหน้า หาตัวคนทำไม่ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านใน ต.เขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ภายในบ้านเช่ามุงสังกะสี
โดยผู้ต้องสงสัยคนที่แม่ของเด็กเชื่อว่าคือ นายดุสิต หรือ สิต คนในหมู่บ้านใกล้กัน ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ของเด็กอ้างว่า 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ลูกถูกนายดุสิตทำร้ายมาแล้ว 1 ครั้ง แต่คดีกลับไม่คืบหน้า
ภาพจากกล้องวงจรปิด เวลาประมาณ 05.48 น. จะเห็นว่ามีชาวบ้านคนหนึ่ง กำลังเดินตามถนน และระหว่างนั้นได้เห็นน้องสตาร์เดินออกมาที่มืด ริมถนน งจุดนี้อยู่ห่างจากบ้านของน้องประมาณ 750 เมตร จากนั้นไม่นาน แม่ของน้องซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ออกตามหาลูก ได้ขี่ผ่านมาพอดี ก่อนจะรีบลงจากรถ และรีบวิ่งเข้าไปอุ้มลูกด้วยความดีใจ ท่ามกลางชาวบ้านที่เข้ามามุงดูด้วยความสงสารและสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก
ไล่กล้องวงจรปิดดูผู้ต้องสงสัยว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่ ตี 3 พบว่ามีทั้งหมด 3 รายที่ผ่านเส้นทางจุดที่พบน้องสตาร์ คือ คนที่ 1 เวลาประมาณ 03.30 น. คือ ชายแก่รายหนึ่ง สวมเสื้อสีขาว กางเกงนอนขายาว รองเท้าแตะ เดินไปตามถนน ลักษณะท่าที เดินหยุด ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปทางบ้านของเด็ก
คนที่ 2 คือ เวลาประมาณ 05.07 น. จะเห็นชายอีกคน เดินอยู่ในที่มืด เดินผ่านจุดที่พบน้องสตาร์ ในมือคล้ายกับถือถุงอะไรบางอย่าง ก่อนหายไปในความมืด
คนที่ 3 คือ เวลาประมาณ 05.36 น. จะเห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง เลี้ยงเข้าไปจอดภายในสวนริมทางจุดที่พบน้องสตาร์ จากนั้นได้จอดรถเฉยๆอยู่ประมาณ 2 นาที ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ซึ่งทีมข่าวพบรถคันนี้ ก่อนที่จะมีคนมาเจอน้องสตาร์ในเวลา 05.48 ซึ่งห่างกันประมาณ 10 นาที
ล่าสุดวันที่ 9 ส.ค. 65 ตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.สิงหนคร จ.สงขลา ลงพื้นที่ไปติดตามตัว นายดุสิต อายุ 40 ปี ภายในขนำติดชายทะเล นายดุสิต เป็นผู้ต้องสงสัยที่แม่ของเด็กบอกว่าเคยอุ้มน้องสตาร์ไปทำร้ายทุบตีมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อ 26 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา
โดยตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก พร้อมกับเก็บดีเอ็นเอ และนำเสื้อผ้าที่นายดุสิตสวมใส่วันเกิดเหตุ ส่งไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และได้ปล่อยตัวไปก่อน เนื่องจากนายดุสิตยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
ต่อมาหลังจากนายดุสิต ได้ถูกปล่อยตัวกลับมาบ้าน ทีมข่าวเดินทางไปที่ขนำติดชายทะเล ทราบมาว่านายดุสิตแยกตัวมาอาศัยอยู่ในขนำเพียงลำพัง เมื่อไปถึงนายดุสิต กำลังนอนเปลอยู่ภายในขนำ มีท่าทีตกใจเล็กน้อย
นายดุสิต เปิดใจว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองไม่เคยไปก่อเหตุทำร้ายเด็กอย่างที่แม่เด็กกล่าวหา คืนวันที่เกิดเหตุ ตนเองอยู่ภายในขนำไม่ได้ออกไปไหน พร้อมกับท้าให้ทีมข่าวไปหากล้องวงจรปิดดูเลย ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ และตนเองตกเป็นแพะถูกแม่เด็กใส่ร้ายโยนความผิดให้
สิ่งที่แม่ของเด็กอ้างว่าตนไปทำร้ายเด็กทุบตีและเอาบุหรี่จี้หน้าเด็ก เมื่อ 26 มี.ค. ตนปฎิเสธ เพราะไม่ได้ทำ ตนเองถูกใส่ร้าย เพราะก่อนหน้านี้ แม่เด็กมาเช่าห้องอยู่ใกล้ขนำตนเอง และเคยมีปากเสียง ไม่ค่อยชอบหน้ากันอยู่แล้ว จึงโยนความผิดให้ตนเองเป็นคนทำร้ายเด็ก ซึ่งสภาพเด็กที่ถูกทำร้ายเป็นแผลตามตัว ก็เป็นฝีมือของนางสมจิตร แม่เด็กเองทั้งนั้น
ญาติของนายดุสิต ผู้ต้องสงสัย ให้ข้อมูลว่า ขอให้นักข่าวไปตรวจสอบดูให้ดีว่า นายดุสิตเป็นคนทำร้ายเด็กจริงหรือไม่ และส่วนตัวไม่อยากจะเชื่อ เพราะนายดุสิต ไม่เคยมีนิสัยทำร้ายเด็กหรือมีปัญหากับใคร แต่ที่นายดุสิตกลายเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะถูกแม่ของเด็กโยนความผิดให้เพราะก่อนหน้านี้ไม่ค่อยชอบหน้า และเคยมีปัญหาทะเลาะกันมาก่อนแล้ว
ตนเองตั้งข้อพิรุธว่า แม่ของเด็กโกหกหรือไม่ หลายอย่างคือ
1.คนเป็นแม่นอนอยู่กับลูก ทำไมจะไม่รู้เลยว่าลูกชายที่นอนข้าง ๆ ถูกคนอุ้มไป จะอ้างว่ากินยานอนหลับก็ฟังไม่ค่อยขึ้น
2.หากคนร้ายแอบเข้ามาอุ้มเด็กไปจริง ประตูสังกะสีในห้องนอนเด็กนั้น หากเปิดจะต้องเสียงดัง เพราะสังกะสีจะครูดกับพื้นบ้าน ทำไมคนในบ้านไม่มีใครสะดุ้งตื่น พี่ชายของเด็กก็นอนอยู่ ยายก็นอนอยู่
3.หากเด็กถูกคนแปลกหน้าอุ้มไปจริง ทำไมเด็กถึงไม่ร้องไห้ส่งเสียง
ซึ่งพวกตนเองไม่เชื่อว่านายดุสิตเป็นคนทำร้ายเด็ก และอยากให้แม่ของเด็กเอาเรื่องจริงมาพูดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกตัวเอง
ด้านนางสมจิตร แม่ของน้องสตาร์ ยืนยันว่าม่เคยคิดสร้างเรื่องหลอกนักข่าว และไม่ใช่คนทำร้ายลูกอย่างที่นายดุสิต ผู้ต้องสงสัยอ้าง แต่ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 4 ปีก่อน เคยมีปัญหาทะเลาะกับนายดุสิต ตอนที่ตนเคยเช่าห้องพักอยู่ริมชายหาด ซึ่งอยู่ใกล้กับขนำนายดุสิต ตอนนั้นลูกชายคนโตของตนเองนั่งเล่นเกมโทรศัพท์กดอยู่หน้าบ้านเช่า ระหว่างนั้นนายดุสิตได้เดินผ่าน และลูกชายได้ตะโกนด่าเพื่อนในเกมว่า "ไอ้บ้า" ตอนนั้นตัวนายดุสิตได้ยินเข้า ทำให้เข้าใจว่าลูกชายไปด่านายดุสิตว่าบ้า ทำให้นายดุสิตโมโห และจะเดินเข้ามาตบลูกชาย โชคดีตนเองออกมาเห็นพอดี จึงได้มีปากเสียงกับนายดุสิตครั้งนั้น
ตนเชื่อว่าอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นายดุสิตเครียดแค้นครอบครัวของตนเอง และแอบมาอุ้มลูกชายคนเล็กไปทำร้ายร่างกาย เมื่อ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันว่าคืนตี 3 วันนั้น นายดุสิตกำลังเอาสายเบรกรถจักรยานฟาดลูกชายอยู่ใต้ต้นมะขามจริง ตนเองวิ่งเข้าไปห้ามและถามว่าทำลูกชายทำไม นายดุสิตก็ไม่ตอบและเดินหนีไปจริง ซึ่งทั้งหมดตนเองจึงเชื่อว่าครั้งล่าสุดที่ลูกชายโดนคนทำร้ายอีกครั้ง น่าจะเป็นฝีมือของนายดุสิตคนเดิม เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่ลูกถูกตีคล้ายกับครั้งแรก
ตนยืนยันอีกว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาหรือศัตรูที่ไหน และไม่รู้ว่าคนร้ายที่ทำร้ายลูกชายนั้น ต้องการอะไรกันแน่ แต่สิ่งที่คนร้ายทำกับลูกนั้นโหดร้ายและทารุณมาก และสงสัยว่าทำไมต้องมาทำร้ายลูก ถ้าแค้นโกรธตน ทำไมไม่ทำร้ายตนแทน เพราะก็นอนอยู่กับลูกด้วยกัน และหากจะมาทำร้ายก็ขอให้มาทำร้ายตนเองดีกว่า
ล่าสุดตำรวจกองปราบได้เดินทางมาสอบปากคำตัวนางสมจิตร แม่ของเด็กเมื่อ 20.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าคดีนี้แปลก คือ 1. เป็นไปได้หรือไม่ที่คนร้ายจะแอบเปิดประตูเข้ามาอุ้มเด็กออกไป ซึ่งทีมข่าวได้ทดสอบเปิดประตูสังกะสีดู พบว่าการที่คนร้ายจะแอบเปิดประตูเข้ามาในบ้านนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดประตูแล้วไม่มีเสียงดัง เนื่องจากพื้นปูนช่วงประตูเปิด เป็นเนินปูนสูงกว่าพื้นบ้านปกติ ทำให้เมื่อเวลาเปิดประตูแล้ว จะได้ยินเสียงสังกะสีรูดกับพื้นบ้าน เสียงดังแน่นอน
นอกจากนี้ วันเกิดเหตุตอนที่เจอน้องสตาร์หายตัวไปและเจอน้อง น้องสตาร์ยังสวมรองเท้าทั้งสองข้างอีกด้วย เป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะแม่ของเด็กบอกว่าตอนนอนน้องไม่ได้ใส่รองเท้านอน และทำไมคนร้ายหากแอบมาอุ้มน้องจากห้อง ทำไมคนร้ายต้องเอารองเท้าให้น้องใส่ก่อนพาหนี และน้องกลับไม่ส่งเสียงร้องเลย ตำรวจสงสัย
เมื่อสอบถามแม่ รองเท้าของน้องก็ไม่ได้อยู่ที่ประตูหน้าห้องนอน แต่รองเท้าของน้องไปอยู่ประตูหลัง อยู่ห่างจากประตูหน้าห้องนอนประมาณ 10 เมตร ซึ่งเวลานั้นคนร้ายจะมีเวลาหารองเท้าให้น้องใส่ได้อย่างไร ประกอบกับเวลานั้นมืดมาก ยากมากที่จะมองเห็นรองเท้าเด็ก
นางตา ยายของเด็ก เชื่อว่าหลานชายถูกคนร้ายแอบเข้ามาอุ้มถึงในบ้านจริง เพราะตอนนั้นตนเองได้ตะโกนเรียกให้ลูกสาวตื่นไปช่วยงานแต่งเพื่อนบ้าน เวลา 04.48 น. ซึ่งเมื่อลูกสาวตื่นขึ้นมา ก็ไม่เจอหลานชายแล้ว และตนเองได้ช่วยกันตามหารอบบ้านก็ไม่พบ ลูกสาวคงไม่โกหกเพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดี เนื่องจากช่วงที่หลานถูกอุ้มไป คนร้ายไม่ได้เข้ามาทางหน้าบ้าน เพราะบริเวณประตูหน้าบ้านก่อนจะเข้านอน พวกตนเองจะเอาไม้ค้ำยันประตูหน้าบ้านไว้ ซึ่งคืนวันเกิดเหตุประตูบ้านยังปิดปกติ แต่ประตูในบ้านที่จะเข้าห้องนอนวันเกิดเหตุไม่ได้ล็อกไว้ มีเพียงประตูด้านในบ้านซึ่งติดกับที่เด็กนอน ถูกเปิดคาไว้
ทั้งนี้ คนร้ายได้แอบเข้ามาทางหลังบ้านแน่นอน ซึ่งเป็นคลอง และคนร้ายได้วางแผนมาอย่างดี เพราะหากเดินข้ามคลองมาตัวคนร้ายจะต้องเปียกน้ำหรือเปื้อนโคลน แต่บริเวณหน้าประตูบ้านกลับไม่พบรอยโคลนหรือน้ำเปียกบนพื้นบ้านเลย เมื่อเดินไปดูหลังบ้านหลังจากหลานหาย ก็ยังพบว่ามีรอยคนเดินย่ำในคลองหลังบ้าน และที่คลองหลังบ้านยังพบแผ่นไม้ยาวถูกพาดข้ามคลองไว้ด้วย คาดว่าคนร้ายได้นำมาพาดไว้ก่อนก่อเหตุ เพื่อใช้เป็นเส้นทางเอาเด็กหนีอีกด้วย
Advertisement